อยู่ไม่ไหว..Bose เตรียมปิดหน้าร้าน 119 แห่งทั่วโลก ทั้งในอเมริกาเหนือ ยุโรป ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น หันมาเน้นขายออนไลน์มากขึ้น
Bose ถือเป็นแบรนด์อันดับต้นๆ ในการผลิตเครื่องเสียงและลำโพงที่มีเสียงดีไม่แพ้ใคร สินค้าของ Bose ไม่ว่าจะเป็นหูฟังตัดเสียงรบกวน ระบบเสียงทั้งในบ้าน ในรถ ถือเป็นเบอร์หนึ่งสำหรับคนที่ชอบฟังเพลงหลายๆ คน ล่าสุด CBS รายงานว่า Bose เตรียมปิดหน้าร้าน 119 แห่งในอเมริกาเหนือ ยุโรป ญี่ปุ่น และออสเตรเลียในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้
Bose ก่อตั้งขึ้นในปี 1964 โดย ดร. Amar G. Bose ซึ่งเป็นอาจารย์ด้านวิศวกรรมไฟฟ้าจากมหาวิทยาลัยแมสซาชูเซตส์ (M.I.T) เปิดตัวหน้าร้านครั้งแรกที่อเมริกาในปี 1993
Colette Burke รองประธานฝ่ายการขายต่างประเทศ ระบุว่า ปัจจุบันยุคสมัยเปลี่ยนไป คนสั่งซื้อออนไลน์มากขึ้น ที่เรามีหน้าร้านขึ้นมาก็เพื่อให้ลูกค้าได้เสพประสบการณ์จากการใช้งาน Bose จากการได้พูดคุย ได้ทดลองใช้ แต่ตอนนี้ เราต้องเปลี่ยนเป้าหมายเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ซึ่งก็คือการปิดหน้าร้านอย่างที่บริษัทกำลังทำอยู่
Bose ระบุว่า สมาร์ทโฟนนี่แหละที่เป็นตัวเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรม
Bose ไม่ได้เปิดเผยตัวเลขที่แน่ชัดว่าจะมีพนักงานที่จะถูกลอยแพจำนวนเท่าไร แต่คาดว่าจะมีกว่าร้อยรายเพราะปิดมากถึง 119 แห่ง ทั้งนี้ Bose ก็มีมาตรการช่วยหางานให้พนักงานพร้อมเงินชดเชยด้วย และที่สำคัญ Bose ไม่ได้ปิดหน้าร้านทั้งหมด ยังเหลืออีก 130 แห่งที่ยังเปิดอยู่ ซึ่งก็มีทั้งในจีน สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ อินเดีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเกาหลี เฉพาะในญี่ปุ่น ปิดหน้าร้านทั้งหมดไปราว 20 แห่งซึ่งมีอยู่ในโตเกียว โอซากา และนาโกยา
Bose ระบุว่า มันเป็นการตัดสินใจที่ยากมาก เพราะมันกระทบต่อทีมงานที่ทำให้ Bose ภูมิใจในจุดที่ตัวเองเป็นอยู่ทุกวันนี้ พวกเขาดูแลลูกค้าทุกคนที่เดินเข้ามาหาเรา พวกเขาช่วยแก้ปัญหา บ้างก็ได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ บ้างก็ปล่อยให้ผู้คนได้ฟังเพลงที่ยอดเยี่ยม หลายปีที่ผ่านมา พวกเขาให้บริการได้ตามมาตรฐาน ทุกคนทำงานได้ยอดเยี่ยมมาก ..
เสียงจากคนทางบ้านบางส่วนที่พูดถึง Bose ผ่านทวิตเตอร์
#SignOfTheTimes
This is where I purchased my red #KittyCat speaker I bring with me in playtimes! ?https://t.co/3M1mQxzppB— ALadyForGentlemen (@Abagail_OhMY) January 16, 2020
Market trends are definitely changing. People are buying Online now. Music giant BOSE closing its 100+ retail shops in North America, Australia and Japan!#GlobalSlowDown https://t.co/eV1XeEOmUc
— Chakravarty Sulibele (@astitvam) January 16, 2020
これは「BOSEヤバい」みたいな話ではなく、これを見越してBOSE社はここ数年globalで販売の軸足をどんどんオンラインに移行してきていました。ある意味その集大成。流通システムごと凋落する日本の家電メーカーとの戦略の違い。
元AmazonJapan家電部門責任者として感慨深い。https://t.co/3Gft3DlAiW— Shinichiro Muroyama|室山 真一郎 (@ShinichiroMuro1) January 16, 2020
นี่ถือเป็นการปรับตัวตามโลกของธุรกิจในปัจจุบันเช่นกัน เพราะถ้ายังเปิดหน้าร้านต่อไป แต่ยอดขายหน้าร้านน้อยกว่ายอดขายออนไลน์ การจะจ้างพนักงานไว้ต้อนรับลูกค้า ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าดูแลสถานที่ก็จะหมดเปลืองไปอย่างเปล่าประโยชน์ ก็ต้องดูกันต่อไปว่า Bose จะสู้กับยักษ์ใหญ่อย่าง Apple หรือ Amazon หรือเจ้าอื่นๆต่ออย่างไร เพราะ Bose ก็ยังมีขายอยู่หลายแห่ง ไม่จำเป็นต้องเข้าหน้าร้าน หรือเข้าเว็บออนไลน์ของ Bose อีกต่อไป
ที่มา – CBS, cnet, Yahoo Japan, news.com.au, 9news, Bose
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา