ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจเผยว่า เศรษฐกิจไทยมีสัญญาณฟื้นตัวช้าและยังมีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามากดดัน
ทำให้ วันที่ 13 มกราคมที่จะถึงนี้ จะมีการทบทวนประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจลงจากปัจจุบันอยู่ที่ 3.1% และปรับประมาณการส่งออกลดลงจากปัจจุบันที่ 1.8%
โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนธันวาคม 2562 อยู่ที่ 68.3 ลดลงจากเดือนก่อนอยู่ที่ 69.1 ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 ต่ำสุดในรอบ 68 เดือน ความเชื่อมั่นอยู่ในช่วงขาลง ไม่เห็นสัญญาณฟื้นตัว
สาเหตุที่ดัชนียังปรับลดลงและยังคงคลื่อนไหวอยู่ในระดับต่ำกว่า 100 เนื่องจากผู้บริโภคกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการเมืองทั้งในปัจจุบันและอนาคต การแข็งค่าของเงินบาทส่งผลกระทบเชิงลบต่อความสามารถในการส่งออกของไทย ในด้านส่งออกและท่องเที่ยว ราคาพืชผลอยู่ในระดับต่ำ ความไม่แน่นอนทางการเมืองไทยยิ่งบั่นทอนความเชื่อมั่นผู้บริโภค
นอกจากนี้ ธนวรรธน์ ยังระบุว่า การที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติให้คงดอกเบี้ยอยู่ที่ระดับ 1.25% ต่อปี เพราะเศรษฐกิจไทยที่ขยายตัวต่ำกว่าที่ประมาณการเดิม และต่ำกว่าศักยภาพ
โดย กนง. ได้ปรับประมาณการเศรษฐหิจไทยปี 2562 ว่าจะขยายตัว 2.5% จาก 2.8% ปีนี้ก็คาดการณ์ว่าจะขยายตัวได้ 2.8% จากเดิมอยู่ที่ 3.3% การส่งออกไทยยังชะลอตัว ราคาพืชผลการเกษตรอยู่ในระดับต่ำ ดัชนีตลาดหุ้นไทยในเดือนธันวาคาปรับตัวลดลง 10.75 จุด ปรับตัวลดลงจาก 1,590.59 เดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ 1,579.84 จุด
การจับจ่ายใช้สอยหลังจากนี้ ยังชะลอไปจนถึงกลางไตรมาส 2/2563 เนื่องจากหลายปัจจัยกดดัน ซึ่งรวมถึงเรื่องสหรัฐ-อิหร่าน สงครามการค้าจีน-สหรัฐ การเมืองภายในประเทศ ราคาสินค้าเกษตรชะลอตัวและปัญหาภัยแล้ง
อย่างไรก็ดี งบประมาณปี 2563 จะผ่านมติสภาผู้แทนราษฎรแน่นอน เม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในช่วงมิถุนายน-กรกฎาคม 2563 เช่นเดียวกับประมูล 5G ในช่วง 2-3 เดือนนี้ จะเกิดปัจจัยบวก โดยคาดว่าช่วงครึ่งปีหลังการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชนจะมีความคึกคักมากขึ้น
ที่มา – efinancethai
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา