ข่าวการหลบหนีของ Carlos Ghosn กลายเป็นเรื่องที่ทุกคนจับตามอง เพราะมันสร้างความสงสัยว่าเขาหนีออกจากญี่ปุ่นได้อย่างไร และเมื่อวันที่ 8 ม.ค. เขาก็จัดงานแถลงข่าวที่เลบานอน พร้อมเล่าเรื่องต่างๆ ให้ทั่วโลกรับรู้
การหลบหนีที่ไม่มีครอบครัวมาเกี่ยวข้อง
ระหว่างการแถลงข่าวนั้น Carlos Ghosn ค่อนข้างหลีกเลี่ยงที่จะอธิบายเกี่ยวกับการหลบหนีจากบ้านพักที่เขาถูกคุมตัวไว้ในญี่ปุ่นอย่างเข้มงวด แต่เขาก็มีหลุดปากออกมาบ้าง หนึ่งในนั้นคือประโยคว่า “คนในครอบครัวไม่มีส่วนในการช่วยเหลือให้เขาหลบหนีออกมาจากประเทศญี่ปุ่น”
ทั้งนี้ระหว่างที่ Carlos Ghosn ถูกคุมตัวอยู่นั้น หนังสือเดินทางประเทศฝรั่งเศส, เลบานอน และบราซิลของเขาก็ถูกเก็บไว้อย่างดีโดยเจ้าหน้าที่รัฐของประเทศญี่ปุ่น แต่จริงๆ แล้วเขามีหนังสือเดินทางประเทศฝรั่งเศสอีกเล่มหนึ่งอยู่ที่ทนายของเขา และมีข่าวลือว่า เขาใช้หนังสือเดินทางเล่มหนีหลบหนีออกมา
นอกจากนี้ในงานแถลงข่าวช่วงที่เขาเล่าเกี่ยวกับการหลบหนีออกมาจากประเทศญี่ปุ่น Carlos Ghosn กล่าวว่า การทำงานของกระบวนการยุติธรรมญี่ปุ่นไม่มีเหตุผล เช่นการออกหมายจับ Carole Ghosn ภรรยาของเขา ก่อนงานแถลงข่าวนี้เพียง 1 วัน เพราะให้การเท็จเมื่อเดือนเม.ย. 2562 ยังดีที่ตอนนี้ภรรยาของเขาอยู่ที่เลบานอนด้วย
ความยุติธรรมไม่มีอยู่จริงในประเทศญี่ปุ่น
“ผมไม่ได้หนีกระบวนการยุติธรรม ผมแค่รู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมกับผม” คืออีกประโยคในช่วงที่ Carlos Ghosn กล่าวในงานแถลงข่าวช่วงโจมตีกระบวนการยุติธรรมของญี่ปุ่น ทั้งระบุว่า “การจับกุมครั้งนี้มันละเมิดความเป็นมนุษย์โดยสิ้นเชิง” แสดงให้เห็นว่าเขาไม่เห็นด้วยกับกระบวนการยุติธรรมของประเทศญี่ปุ่นจริงๆ
ตั้งแต่ที่เขาถูกจับกุมที่ญี่ปุ่นเมื่อปลายปี 2561 เพราะระบุรายได้เป็นเท็จ และมีการยักยอกเงินบริษัทไปใช้ส่วนตัว Carlos Ghosn ไม่เคยออกมาโจมตีกระบวนการยุติธรรมของญี่ปุ่นเลย แต่พอมาอยู่ในประเทศบ้านเกิดก็จัดเต็ม และอธิบายว่า กระบวนการยุติธรรมของญี่ปุ่นมีธงอยู่แล้วว่าอยากให้เขาผิด และไม่ได้พิจารณาหลักฐานใดๆ
ขณะเดียวกันทางทนายของเขายังระบุว่า หาก Carlos Ghosn ต้องการสู้คดี ก็ต้องใช้เวลาถึง 5 ปี และน่าจะต้องรับผิดเช่นเดิม ซึ่งอดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Nissan ก็ออกมายอมรับว่า “ผมรู้สึกว่าผมถูกจับเป็นตัวประกันในประเทศญี่ปุ่นที่ผมรัก และใช้ชีวิตมานานถึง 17 ปี ดังนั้นมันมีอยู่สองทางคือตายอยู่ที่นี่ หรือจะหนีออกไป”
คนญี่ปุ่นในบริษัทไม่อยากให้เขาอยู่อีกต่อไป
จุดที่น่าสนใจในงานแถลงข่าวครั้งนี้อีกเรื่องคือ Carlos Ghosn คิดว่า คนญี่ปุ่นในองค์กร Nissan ไม่อยากให้ Nissan ถูก Renault ที่ปัจจุบันถือหุ้นใหญ่ใน Nissan นั้นควบรวมกิจการ ทั้งๆ ที่เขาไม่เคยมีแนวคิดแบบนี้เลยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
“น่าเสียดายที่ไม่มีความไว้ใจกันเลย คนญี่ปุ่นใน Nissan ต่างคิดว่าถ้าไม่ต้องการให้ Nissan ถูก Renault กลืนกิน การขับไล่ผมออกไปคือขั้นตอนแรก” Carlos Ghosn กล่าว และเป็นการยืนยันว่า การที่เขาสร้างอาณาจักรผู้ผลิตรถยนต์แห่งนี้จนยิ่งใหญ่ ไม่ได้มีผลใดๆ กับคนที่นี่เลย
ประวัติในการสร้างอาณาจักรพันธมิตร Renault-Nissan-Mitsubishi อย่างแรกก็คือการนำชื่อของทุกค่ายผู้ผลิตรถยนต์มารวมอยู่ด้วยกัน และใช้กลยุทธ์ Platform Sharing เพื่อให้การผลิตรถยนต์มีประสิทธิภาพสูงที่สุด รวมถึงการปั้นรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง Nissan Leaf จนมียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าล้วนสะสมมากที่สุดในโลก
กระทรวงยุติธรรมญี่ปุ่นปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
ในทางกลับกันมาดูที่ฝั่งกระทรวงยุติธรรมของญี่ปุ่นบ้าง Masako Mori รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมของญี่ปุ่น ออกมาตอบโต้ทันทีหลังจากจบการแถลงข่าวของ Carlos Ghosn ไปไม่นาน โดยเนื้อความก็เป็นอย่างที่หลายคนน่าจะรู้คือ ออกมาปฏิเสธทุกเรื่องที่ Carslos Ghosn กล่าวหา
“เป็นการไปหลอกลวงชาวต่างชาติ รวมถึงชาวญี่ปุ่นในเรื่องที่เป็นเท็จทั้งหมด เพราะกระบวนการยุติธรรมของประเทศญี่ปุ่นนั้นเชื่อถือได้ และเมื่อเขาออกมาพูดแบบนี้ เราก็ทนไม่ได้จริงๆ” Masako Mori กล่าว พร้อมกับปฏิเสธเรื่องผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีของ Carlos Ghosn นั้นสมรู้ร่วมคิดกับคนญี่ปุ่นใน Nissan เช่นกัน
สำหรับกรณีการหลบหนีของ Carlos Ghosn นั้น Masako Mori ระบุว่า ทางการญี่ปุ่นอยู่ระหว่างหาสาเหตุเกี่ยวกับการหลบหนีครั้งนี้ และจะเข้มงวดฝ่ายต่างๆ โดยเฉพาะสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองให้เข้มงวดกว่านี้ พร้อมสัญญาว่าจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก
สรุป
เรื่องราวของ Carlos Ghosn นั้นจบไม่สวยแน่นอน เพราะถึงขนาดนี้ยังไม่สามารถหาเหตุผลใดๆ ได้ว่าใครโกหก แต่ที่แน่ๆ การหลบหนีครั้งนี้ของ Carlos Ghosn ชี้ให้เห็นว่า ญี่ปุ่นนั้นผิดพลาดจริงๆ ที่ปล่อยให้เขาหลุดออกไปจากประเทศได้ ทั้งๆ ที่มีการควบคุมตัวอย่างแน่หนา
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา