วันนี้เป็นวันคริสต์มาสอีฟที่ทั่วโลกเฉลิมฉลองกันอย่างมีความสุข พระเอกของวันคริสต์มาสย่อมหนีไม่พ้น “ต้นคริสต์มาส” ที่ครอบครัวของชาวตะวันตกต้องซื้อหานำมาประดับตกแต่งกันตามเทศกาล
ความต้องการต้นสนมาทำเป็นต้นคริสต์มาสจำนวนมหาศาล ส่งผลให้อุตสาหกรรมการปลูกต้นคริสต์มาส กลายเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ชนิดว่ามีสมาคม National Christmas Tree Association กันเป็นเรื่องเป็นราว (ประเทศที่ปลูกต้นคริสต์มาสมากที่สุดในโลกคือแคนาดา)
ข่าวดีของผู้ปลูกต้นคริสต์มาสในปี 2016 นี้คือ “ราคาต้นคริสต์มาสเพิ่มขึ้น”
สมาคมต้นคริสต์มาส เก็บข้อมูลราคาต้นไม้เป็นประจำทุกปี ราคาเฉลี่ยของต้นคริสต์มาสในปี 2015 อยู่ที่ต้นละ 51 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 29% จากปี 2014 และในปีนี้ 2016 แม้ยังไม่มีราคาเฉลี่ยออกมา แต่สัญญาณทุกตัวก็ชี้ว่าต้นคริสต์มาสราคาแพงขึ้น
ราคาต้นคริสต์มาสพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2008 จากนั้นก็ตกลงอย่างต่อเนื่อง เป็นเพราะสหรัฐอเมริกาเจอวิกฤตเศรษฐกิจ (คนซื้อต้นคริสต์มาสน้อยลง) บวกกับผลิตภัณฑ์ทดแทนเป็นต้นไม้พลาสติกจากประเทศจีน ส่งผลให้ผู้ประกอบการปลูกต้นไม้บางรายต้องเลิกกิจการไปด้วยซ้ำ (ค่าเฉลี่ยของการปลูกต้นไม้ใช้เวลา 8 ปี)
เหตุผลหนึ่งที่ต้นไม้ในปี 2016 กลับมามีราคาแพง เป็นเพราะผู้ประกอบการหลายรายเลิกปลูกต้นไม้หรือโค่นทิ้งไปในปี 2008 ส่งผลให้ต้นไม้ที่ปลูกในช่วงเวลานั้นมีจำนวนน้อยลง และโตมาพร้อมขายในปี 2016 พอดี
ส่วนเหตุผลอีกข้อที่ส่งผลให้เกิดความต้องการต้นไม้แท้มากขึ้น มาจากคนรุ่นใหม่ๆ ที่เริ่มมีครอบครัวและเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายสำคัญของต้นคริสต์มาส เป็นเจเนเรชั่นที่นิยมของธรรมชาติ ของแท้ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เหนือสินค้าที่เป็นต้นไม้พลาสติก ช่วยส่งผลให้ต้นไม้แท้ๆ ขายดีขึ้น
ข้อมูลจาก Bloomberg
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา