เมื่อธุรกิจประกันเบี้ยอาจโต 0% อลิอันซ์ ประกันชีวิต ขยายช่องทางใหม่แอปฯ ไม่ขายประกันจะเวิร์คไหม?

ธุรกิจประกันชีวิตไทยทรงตัวหรือเติบโตเล็กน้อยมาหลายปี สาเหตุเพราะช่องทางขายผ่านแบงก์ที่หดตัว ตลาดประกันเปลี่ยนขายแบบประกันสะสมทรัพย์ (เบี้ยสูงๆ) น้อยลง เมื่อเดือน ก.ค. ก็มีข่าวว่าสมาคมประกันชีวิตไทยปรับเป้าหมายเบี้ยประกันชีวิตทั้งอุตสาหกรรมไทยปี 2019 เติบโต 0% (หรือเบี้ยราว 6 แสนกว่าล้านบาท)

ทางออกของบริษัทประกันเลยหันมาขายแบบประกันด้านสุขภาพที่คนไทยยังมีกันน้อย ฝั่งบมจ.อลิอันซ์ประกันชีวิตฉีกแนวมาทำแอปพลิเคชั่น Content ด้านสุขภาพให้คนทั่วไปมา 3 ปีแล้วผลลัพธ์เป็นอย่างไร?

พัชรา ทวีชัยวัฒนะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายบริหารงานลูกค้า บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต (Azay)

เมื่อประกันจะใช้ลูกฮึด วิ่งเข้าหาหรือตื้อลูกค้ายุคดิจิทัลไม่ได้ ดังนั้นจะเห็นหลายบริษัทออกแอปฯ มาบริการลูกค้าทั้งแลกคะแนน อำนวยความสะดวก ส่วนการขยายฐานลูกค้าใหม่จะใช้ตัวแทนไปหาลูกค้าอย่างเดียวไม่ได้ ต้องใช้ช่องทางดิจิทัลให้เป็นประโยชน์ ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้แบรนด์และทำให้ลูกค้าเข้าถึงได้ง่ายขึ้น

Healthy Living ขาย Contect ไม่ขายประกัน แต่เกิดจากบริษัทประกัน?

พัชรา ทวีชัยวัฒนะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายบริหารงานลูกค้า บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต (Azay) เล่าว่า ธุรกิจประกันชีิวิตมีโจทย์ท้าทายหลักคือ คนไม่ชอบประกันดังนั้นพื้นฐานธุรกิจต้องกลับมาที่การให้ข้อมูล และการสร้างความเข้าใจในเรื่องต่างๆ ของชีวิต โดยทางบริษัทฯ เปิดตัวแอปพลิเคชั่น Healthy Living มาตั้งแต่ปี 2016 (3 ปีก่อน) ปัจจุบันยังไม่มีการขายประกันผ่านแอปฯ นี้เลย ซึ่งการเปิดตัวแอปฯ นี้คือการสร้างชุมชน (Community) คนรักสุขภาพและอยากมีชีวิตดีขึ้นมาจึงเน้น Content ใน 4 ด้านคือ Eat Live Health Wealth 

ปัจจุบันมีคนใช้งานแอปฯ Active ถึง 30% ส่วนใหญ่กว่า 85% ไม่ใช้ลูกค้าของบมจ. อลิอันซ์อยุธยา (มีลูกค้า 15% ของผู้ใช้งานทั้งหมด) ทุกวันนี้มีคนแชร์ประสบการณ์ในแอปฯ ราว 130,000 ประสบการณ์ เพิ่มขึ้นจากปีแรกที่มีอยู่ 5,000 กว่าประสบการณ์

สาเหตุที่เพิ่มขึ้นสูงเพราะปี 2018 ภายในแอปฯ เพิ่มบริการใหม่ เช่น Health Forum (ฟีเจอร์ตั้งคำถามกับหมอโดยตรง) บริการพยาบาลที่บ้าน ความเห็นที่ 2 ของแพทย์ และเพิ่มพันธมิตรที่ให้บริการด้านสุขภาพหลายฝ่าย เช่น Doctor AtoZVitaboost ฯลฯ

แอปฯ Healthy Living ได้รับผลตอบรับที่ดี เพราะกลุ่มคนที่รักด้านสุขภาพซึ่งเป็นลูกค้าเฉพาะด้าน ขณะเดียวกันผลลัพธ์ยังขยายไปที่ประชาชนกลุ่มใหม่ๆ ไม่ใช่แค่ลูกค้าของบริษัทเท่านั้น

“ส่วนปีนี้ขยายต่อเนื่องสู่เป้าหมาย Connecting Platform  ที่จะเชื่อมโยง People to people มีทั้งรูปแบบวีดีโอ การนัดปรึกษากับนักเล่าเรื่อง และมีบทความเหมือนเดิม  แม้ว่าตอนนี้ทุกอย่างจะฟรี ไม่ได้เก็บค่าบริการอะไร แต่อนาคต คงต้องดูต่อไป”

ส่วนธุรกิจประกันชีวิต เบี้ยปีนี้คาดว่าจะเติบโตใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้เมื่อต้นปี และเติบโตกว่าอุตสาหกรรม เพราะช่องทางการขายหลักมาจากตัวแทนและ เทเลเซลล์ (การขายผ่านโทรศัพท์) แม้ว่าช่องทางแบงก์ในภาพรวมจะลดลง แต่ช่องทางนี้มีสัดส่วนน้อยกว่าช่องทางอื่นๆ

สรุป

การตลาดในยุคดิจิทัลเปลี่ยนไปมาก เพราะบริษัททั้งหลายอยากปรับตัวให้เข้าถึงและแก้ปัญหาในชีวิตลูกค้าให้ได้ ดังนั้นจะขายแต่ประกัน วิ่งเข้าใส่โดยไม่สนใจลูกค้าคงไม่ได้ ยิ่งปัญหาใหญ่ของธุรกิจประกันชีวิต คือ คนไม่เข้าใจ และไม่ตระหนักถึงความสำคัญของประกัน เลยเห็นบริษัทหันมาออก Content ด้านไลฟ์สไตล์ การจัดการเงินมากขึ้น เพื่อให้ลูกค้าคุ้นเคย ไว้ใจและเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหาเอง

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา