เมื่อแบงก์ชาติเริ่มใช้เกณฑ์ LTV ใหม่เมื่อ 1 เม.ย. 2562 ซึ่งทำให้คนที่อยากซื้อบ้านหลังที่ 2 ขึ้นไป หากจะขอสินเชื่อต้องจ่ายเงินดาว์นมากขึ้น แต่ก็มีปัญหาที่บางคนยอมใส่ชื่อตัวเองเป็นคนกู้ร่วม ในบ้านที่ตัวเองไม่มีกรรมสิทธิ์และไม่ได้เป็นเจ้าของ
กลายเป็นว่าถ้าคนคนนี้อยากมีบ้านเป็นชื่อตัวเองก็ต้องดาว์นมากขึ้น แบงก์ชาติเลยแก้เกณฑ์ให้คนกลุ่มนี้
แบงก์ชาติผ่อนเกณฑ์ LTV ให้คนกู้ร่วมขอสินเชื่อบ้านง่ายขึ้น
รณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) บอกว่า หลังจากมาตรการ LTV มีผลบังคับใช้ และได้รับฟังความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะ ของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ เพื่อเป็นการช่วยบรรเทาผลกระทบของผู้กู้ร่วมที่ไม่ได้มีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัย ให้ได้รับสินเชื่อตามความเหมาะสมมากขึ้น
ธปท. จึงพิจารณาผ่อนปรนการนับสัญญากรณีกู้ร่วม โดยถ้าผู้กู้ไม่มีชื่อเป็นกรรมสิทธิ์ จะผ่อนปรนเสมือนยังไม่เป็นผู้กู้ในครั้งนั้น เนื่องจากไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่ออยู่อาศัย เพียงแค่ช่วยเหลือกันภายในครอบครัว
แล้วแบบไหนถึงกู้ง่ายขึ้น
ตัวอย่าง 1 กรณีที่ผู้กู้ A มีสัญญาสินเชื่อบ้านอยู่แล้ว 1 สัญญา ครั้งนี้มาขอกู้ใหม่โดยจะขอกู้ร่วมกับ B ซึ่ง B ยังไม่เคยกู้สินเชื่อบ้านมาก่อน
ดังนั้นหากทั้ง A และ B มีกรรมสิทธิ์ (เป็นเจ้าของบ้าน) ในบ้านที่จะกู้ซื้อใหม่ร่วมกัน การกู้ใหม่ครั้งนี้ให้นับว่า เป็นสัญญาที่ 2 ของ A ซึ่งต้องใช้เกณฑ์ LTV 80-90% หรือต้องมีเงินดาว์น 10-20% ของวงเงินสินเชื่อ
แต่ถ้าการกู้ร่วมกันครั้งใหม่นี้ B เป็นเจ้าของบ้านหรือมีกรรมสิทธิ์ในบ้านที่จะซื้อใหม่เพียงคนเดียว แม้จะกู้ร่วมกันก็ถือว่าเป็นสัญญาแรกของ B และไม่นับเป็นสัญญาที่ 2 ของ A
ตัวอย่างที่ 2 ผู้กู้ A และ B เคยกู้บ้านร่วมมาก่อน และครั้งนี้ B มาขอกู้ สินเชื่อบ้าน
ดังนั้นต้องมาดูว่า การกู้ร่วมครั้งแรก ถ้า A มีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยแต่เพียงผู้เดียว จะนับสัญญาที่กู้ร่วมนั้นเป็นสัญญาแรกของ A ดังนั้นการกู้บ้านของ B ครั้งนี้จะนับเป็นสัญญาแรกของ B
แต่ถ้าการกู้ร่วมครั้งแรก B มีกรรมสิทธิ์ร่วมในบ้านหลังนั้น ต้องนับสัญญาการกู้ครั้งใหม่ของ B ในครั้งนี้ เป็นสัญญาที่ 2
สรุป
แบงก์ชาติพยายามเปิดช่องให้คนที่ต้องการมีบ้านหลังแรก เข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น แม้ว่าจะเคยขอสินเชื่อในฐานะผู้กู้ร่วมไปแล้ว แต่หากไม่ได้เป็นเจ้าของบ้านหลังแรก ก็สามารถขอกู้สินเชื่อเพื่อมีบ้านหลังแรกของตัวเองได้
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา