AIS ควงคู่กับประกันภัยไทยวิวัฒน์ ปฏิวัติวงการ InsurTech นำเทคโนโลยี NB-IoT Motor Tracker for UBI มาใช้กับประกันรถเปิดปิด แค่สตาร์ทรถก็เปิดประกันได้เอง
ประกันรถเปิดปิด ใช้เท่าไหร่ จ่ายเท่านั้น
ประกันภัยไทยวิวัฒน์ได้มีประกันรถยนต์ในชื่อ “ประกันรถเปิดปิด” ซึ่งเป็นบริการที่มองเห็น Pain Point ในตลาดประกันภัยที่ว่า ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันรายปี และมีราคาสูง
ประกันรถเปิดปิดจึงเป็นเหมือนประกันภัยแบบ On Demand สามารถเปิดใช้ในช่วงเวลาที่มีความเสี่ยง หรือช่วงที่ใช้รถ และปิดเมื่อจอดรถไว้ปกติไม่มีการใช้งานใด จากที่เก็บเบี้ยประกันเป็นรายปี ก็เก็บเป็นรายชั่วโมง รายนาทีแทน
รูปแบบนี้ทำให้ประหยัดค่าเบี้ยประกันราวๆ 40% เมื่อเทียบกับแบรนด์อื่น โดยที่มีราคาเริ่มต้นที่ 600 บาท เป็นแพ็คเกจ 30 วัน หรือ 144 ชั่วโมง เป็นประกันชั้น 3+ ราคาสูงสุดจะเป็นประกันชั้น 1 มีแพ็คเกจ 365 วัน หรือ 960 ชั่วโมง ในราคาหมื่นต้นๆ ขึ้นอยู่กับรุ่นของรถยนต์ด้วย
ซึ่งประกันรถเปิดปิดก็ได้เริ่มมีเอาเทคโนโลยีเข้ามาเสริมมากขึ้น ทั้งในเรื่องโลเคชั่น ที่สามารถรู้จุดที่ลูกค้าอยู่ได้ โดยที่ลูกค้าไม่ต้องอธิบายมาก
แต่ตอนนี้ได้ยกระดับเป็น InsurTech มากขึ้น ด้วยการเอาเทคโนโลยี NB-IoT มาใช้กับประกันภัย
Disrupt วงการประกันภัย ด้วย NB-IoT
โดยครั้งนี้เป็นการร่วมมือกันของ 2 ยักษ์ใหญ่อย่าง AIS และประกันไทยวิวัฒน์ ซึ่ง AIS ที่พยายามขยายบริการเป็น Digital Life Service Provider ตอนนี้ได้มีนวัตกรรม IoT เป็นรายแรกและรายเดียวในไทยที่มีโครงข่าย eMTC และ NB-IoT ครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ
ทั้ง 2 แบรนด์ได้พัฒนาโซลูชันที่เรียกว่า NB-IoT Motor Tracker for UBI ในการเพิ่มขีดความสามารถให้กับผลิตภัณฑ์ประกันภัยรถยนต์ของไทยวิวัฒน์ โดยอุปกรณ์ดังกล่าวจะสามารถส่งข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ผ่านเครือข่าย NB-IoT เมื่อมีการสตาร์ทและดับเครื่องของรถที่ทำประกันรถเปิดปิด ประกันนั้นก็จะเปิดและปิดให้โดยอัตโนมัติ
ทำให้บริษัทประกันภัยได้รับข้อมูลที่มีความแม่นยำ ถูกต้อง และให้การดูแลลูกค้าขององค์กรได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เป็นจุดเริ่มต้นของการนำเทคโนโลยี NB-IoT มาเสริมศักยภาพการบริการให้กับธุรกิจประกันภัย ซึ่งเป็นบริการที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของคนไทย และลูกค้าให้ความสำคัญมากขึ้นในปัจจุบัน
จีรพันธ์ อัศวะธนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ประกันภัยไทยวิวัฒน์ กล่าวว่า
“NB-IoT Motor Tracker for UBI จะทำงานโดยใช้เทคโนโลยีติดตามการทำงานของยานพาหนะบนเครือข่าย NB-IoT เมื่อมีการสตาร์ทรถยนต์ อุปกรณ์ IoT จะส่งค่า Engine Start ผ่านแพลตฟอร์ม AIS IoT และมาประมวลผลยัง Thaivivat Server พร้อมแจ้งเตือนไปยังแอปพลิเคชัน Thaivivat Motor เพื่อเริ่มต้นเปิดประกันภัยโดยอัตโนมัติ และเมื่อดับเครื่องยนต์ อุปกรณ์ IoT ก็จะส่งค่า Engine Stop กลับมาอีกครั้ง เพื่อปิดประกันให้อัตโนมัติเช่นกัน”
บริการนี้จะช่วยอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าของประกันภัยไทยวิวัฒน์ไม่ต้องเสียเวลาเปิด-ปิดด้วยตัวเองอีกต่อไป หรือในกรณีรถอยู่ในพื้นที่ห่างไกล อุปกรณ์จะเก็บข้อมูลไว้ และเมื่อเชื่อมต่อสัญญาณ NB-IoT อีกครั้ง ก็จะส่งข้อมูลให้กับระบบทันที จึงได้ความแม่นยำและความถูกต้องของข้อมูลสูง ช่วยให้ลูกค้าได้รับความคุ้มครองและจ่ายค่าเบี้ยประกันตามการใช้งานจริง ขับค่อยจ่าย ไม่ขับไม่ต้องจ่าย ประหยัดค่าเบี้ยประกันรถยนต์ไปได้ถึง 40%
ลูกค้าที่ซื้อประกันรถเปิดปิดดังกล่าวจะได้รับอุปกรณ์ NB-IoT Motor Tracker for UBI พร้อมอินเทอร์เน็ตเพื่อใช้งานตลอดระยะเวลาเอาประกัน ติดตั้งง่ายเพียงเสียบอุปกรณ์เข้ากับ USB Port ในรถยนต์ก็พร้อมใช้งานทันที ถือเป็นการนำนวัตกรรมดิจิทัลที่ทำให้ประกันภัยให้เกิดประโยชน์สูงสุด
เมื่อดูตลาดประกันภัยมูลค่ากว่า 200,000 ล้านบาท เป็นตลาดที่ใหญ่มาก แต่ก็มีโอกาสในการเติบโตสูง การมีเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาจะช่วยทำให้อำนวยความสะดวกแก่ผู้บริโภคมากขึ้น
ซึ่งปัจจุบันประกันรถเปิดปิดมีฐานลูกค้าราวแสนราย คาดว่าจะมีการเิตบโต 100% เหมาะกับผู้ที่ใช้รถเฉลี่ยวันละ 4 ชั่วโมง เช่น พนักงานออฟฟิศที่ขับไปไปทำงาน แล้วจอดรถทิ้งไว้ ไม่ได้ใช้งานรถทั้งวัน
สำหรับ AIS เองก็มีแผนที่จะขยายเทคโนโลยี NB-IoT ไปยังธุรกิจอื่นๆ สามารถนำโซลูชั่นนี้ขยายไปยังธุรกิจโลจิสติกส์ ส่งสินค้า เดลิเวอรี่ การเงิน ประกัน เช่ารถ และอื่นๆ ได้อีกในอนาคต
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา