เกมการแข่งขันทางธุรกิจนั้นยังคงเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในยุคที่อะไรๆ ก็เป็นดิจิทัล ทุกธุรกิจก็ยิ่งต้องปรับตัวให้เร็วยิ่งกว่าเดิม ดังนั้น ลองมาเรียนรู้กลยุทธ์ในการพัฒนาธุรกิจยุคนี้ไปกับ AIS Academy กัน
ยกระดับดิจิทัลให้ธุรกิจภูมิภาค
แม้ว่ากระแส Digital Transformation จะเกิดมาระยะหนึ่งแล้ว แต่เชื่อว่าองค์กรในประเทศไทยหลากหลายยังกลัวที่จะปรับตัว และพยายามเดินหน้าธุรกิจด้วยกลยุทธ์เดิมๆ ซึ่งถ้ายังเป็นอย่างนี้ต่อไป โอกาสที่จะอยู่รอดในโลกธุรกิจก็ไม่ใช่เรื่องง่าย และผลลัพธ์ก็เริ่มแสดงออกมาให้เห็นกันบ้างแล้ว
จากจุดนี้เอง AIS Academy ศูนย์กลางด้านการเรียนรู้เทคโนโลยี นวัตกรรมต่างๆ ของ AIS จึงจัดงานสัมมนา AIS ACADEMY for THAIs : to the Region องค์ความรู้ สู่ภูมิภาค @เชียงใหม่ ขึ้นมาเพื่อส่งต่อความรู้ทางเทคโนโลยีให้กับบุคคลทั่วไป จากเดิมที่เนื้อหาเหล่านี้จะเปิดให้กับทางพนักงาน AIS เท่านั้น ซึ่งล่าสุดงานนี้ก็จัดขึ้นที่เชียงใหม่เพื่อส่งต่อความรู้ดีๆ ในระดับภูมิภาคเป็นครั้งแรกด้วย
กานติมา เลอเลิศยุติธรรม หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านทรัพยากรบุคคล AIS ผู้จัดงานดังกล่าวเล่าให้ฟังว่า จากที่จัดในกรุงเทพมา 2 ครั้ง และได้รับการตอบรับอย่างดี จึงคิดต่อยอดในการส่งต่อความรู้ภายใต้แนวคิด “ภารกิจคิดเผื่อ” ก็น่าเป็นประโยชน์กับประชาชนในจังหวัดอื่นๆ ทำให้เอไอเอสติดสินใจจัดงานนี้ขึ้นที่เชียงใหม่ ก่อนไปจัดอีกครั้งที่ขอนแก่นในเดือนสิงหาคม 2562
เน้นพัฒนาธุรกิจให้เท่าทันยุคดิจิทัล
“ปีนี้ AIS Academy ขอจัดงานแค่ 4 ครั้งก่อน แต่ในปี 2563 เราก็ยังมีแผนส่งต่อองค์ความรู้ดีๆ ให้กับประชาชนที่สนใจเช่นเดิม โดยครั้งที่จัดในเชียงใหม่ จะเน้นเนื้อหาเกี่ยวกับ Digital Disruption เพื่อพัฒนาธุรกิจในระดับภูมิภาคให้มีความรู้เท่าทันยุคดิจิทัล และสามารถเติบโตไปพร้อมกับคลื่นดิจิทัลนี้”
สำหรับเนื้อหาภายในงาน ชี้ให้เห็นวิธีการเดินหน้าธุรกิจในยุคดิจิทัล เช่นการเติบโตไปกับดิจิทัลนั้นไม่ใช่ทุกธุรกิจต้องลงทุนเรื่องเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่ทั้งองค์กรต้องมีการปรับตัวด้วย ไม่ว่าจะเป็นพนักงาน และโครงสร้างองค์กร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเปลี่ยนแปลงให้ได้ดีที่สุด
“ในยุคดิจิทัลนั้นทุกองค์กรต้อง Learn, Unlearn และ Relearn เพื่อสร้างสิ่งใหม่ได้ตลอดเวลา ยิ่งเทคโนโลยีสร้างความสะดวกในการทำธุรกิจมากเท่าไหร่ การกระทำดังกล่าวก็ต้องเร็วขึ้น ประกอบกับ AI ที่เริ่มอัจฉริยะขึ้นเรื่อยๆ การทำสิ่งนี้ก็ยิ่งจำเป็น” Yuval Dvir Global Head of Scaled Partnership ของ Google Cloud กล่าว
แม้แต่องค์กรขนาดใหญ่ก็ยังต้องปรับตัว
ขณะเดียวกัน กิตติพงษ์ อัศวพิชยนต์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจคลาวด์และซอฟท์แวร์โซลูชั่น บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด เสริมว่า การรับมือกับ Digital Disruption นั้นต้องกล้าที่จะปรับตัวเป็นอย่างแรก จากนั้นตัวเทคโนโลยีก็จะหลั่งไหลเข้ามาในองค์กรโดยอัตโนมัติ เพราะองค์กรนั้นเปิดใจแล้ว
“การรับมือกับ Digital Disruption มันมีหลายวิธี ง่ายที่สุดคือการไปควบรวม หรือพาร์ทเนอร์กับกิจการอื่น เช่นกรณีของ Walmart ที่อยากรุกดิจิทัลก็ไปซื้อกิจการ Jet.com, DHL ร่วมมือกับ Volkswagen ในการส่งพัสดุด้วยรถยนต์เพื่อประหยัดต้นทุน” กิตติพงษ์ กล่าว
จากกรณีนี้ชี้ให้เห็นว่าองค์กรขนาดใหญ่ต่างลงทุนเรื่องเกี่ยวกับดิจิทัล และหากควบรวม หรือร่วมมือกับกิจการใดๆ ไม่ได้ การพัฒนาธุรกิจตัวเองให้เป็นดิจิทัลด้วยตนเองก็เป็นอีกวิธีที่ดี เช่นการใช้ Blockchain ในการทำเอกสารระหว่างขนส่งทางเรือ หรือการนำ AI มาประยุกต์ใช้กับการดำเนินธุรกิจ เป็นต้น
ไม่ยากเกินไปที่จะเริ่มต้นใหม่
อย่างไรก็ตามเมื่ออ่านมาถึงตรงนี้แล้วอาจคิดว่ามันยากเกินไปที่องค์กรขนาดเล็กจะเริ่มนำเทคโนโลยีมาใช้งาน แต่จริงๆ แล้วมันไม่ได้ยากขนาดนั้น เพียงแค่เจ้าของธุรกิจลองปรับมุมคิด และพยายามเชื่อมต่อสิ่งที่ตัวเองมีกับเครื่องมือในยุคดิจิทัลต่างๆ ที่มีอย่างนับไม่ถ้วนอยู่ในปัจจุบัน
“ง่ายๆ เลยคือร้านกาแฟกับ Data Analytics เช่นคุณเป็นอาแปะที่ชงกาแฟเก่ง รู้ว่าลูกค้าคนไหนชอบอะไร แต่คุณไม่จดออกมา มันอยู่ในหัวคุณอย่างเดียว ก็เอามาวิเคราะห์ต่อได้ยาก แต่ถ้าคุณจดออกมาเอาเครื่องมือดิจิทัลมาใช้ คราวนี้ใครๆ ก็มาช่วยอาแปะขายกาแฟได้” นครินทร์ วนกิจไพบูลย์ บรรณาธิการบริหารสำนักข่าว The Standard กล่าว
เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว การเริ่มต้นด้วยการจดข้อมูล หรือ Data ออกมาให้ได้มากที่สุด และรู้ว่าจะนำข้อมูลนั้นไปใช้ทำอะไร ก่อนนำเครื่องมือดิจิทัลมาช่วยวิเคราะห์ เพียงเท่านี้ ธุรกิจของคุณก็สามารถเข้าสู่ยุคดิจิทัลได้ง่ายๆ และสามารถก้าวผ่านวิกฤติ Digital Disruption ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สรุป
การแข่งขันในยุคดิจิทัลนั้นดุเดือดอย่างไม่ต้องสงสัย และเรียกว่าปลาเร็วกินปลาใหญ่ก็คงไม่ผิดนัก ดังนั้น องค์กรธุรกิจใดเริ่มนำดิจิทัลมาใช้งานได้ก่อน ก็ย่อมสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจมหาศาล แต่ต้องรู้เป้าหมายของตัวเองก่อนใช้ มิฉะนั้น ก็เท่ากับเป็นการลงทุนที่สูญเปล่า
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา