ไหนๆ ก็เป็นเบอร์หนึ่งสุราสี ThaiBev เลยจัด Rock Mountain โซดาแบรนด์ใหม่ เจาะกลุ่มนักดื่มเต็มรูปแบบ

Brand Inside นำเสนอเรื่องราวของ Thaibev เป็นซีรีส์ 3 ตอน เรื่องของโซดา Rock Mountain เป็นตอนที่ 2 แต่ถ้าใครยังไม่ได้อ่านตอนแรก คลิกที่นี่เลย เพื่อจะได้รู้จัก Vision 2020 ว่าเป็นมาอย่างไร แล้วทำไมถึงต้องทำอะไรใหม่ๆ ขึ้นมาด้วย

และถ้าว่ากันที่ตลาดโซดาเป็นตลาดที่แปรผันตามยอดจำหน่ายของสุราสี เพราะส่วนใหญ่แล้วผู้ซื้อโซดาก็ซื้อไปเพื่อผสมสุราสี มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ซื้อไปเพื่อชงน้ำแดงโซดา หรือมะนาวโซดาขายตามร้านค้า นอกจากนี้คนดื่มโซดาแทนน้ำเปล่าในบ้านเราก็ไม่มีสะด้วยสิ ดังนั้นทำไมไม่พัฒนาสูตรโซดาให้ตอบโจทย์คนดื่มสุราไปเลยล่ะ

Rock Mountain Soda Water
Rock Mountain Soda Water

เมื่อขายสุราสีอยู่แล้ว ก็ขายโซดาด้วยแล้วกัน

ประภากร ทองเทพไพโรจน์ กรรมการผู้อำนวยการ กลุ่มธุรกิจสุรา ThaiBev เล่าให้ฟังว่า ด้วยบริษัทเป็นผู้จัดจำหน่ายสุราเป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทย ผ่านส่วนแบ่ง 95% ของตลาดนี้ มีแบรนด์เช่นแสงโสม, แม่โขง, หงส์ทอง และ Blend 285 แต่ด้วยสินค้าโซดา ช้าง ของบริษัทไม่ได้ตีตลาดได้มากนัก ผ่านส่วนแบ่งเพียง 5% ของตลาดนี้ที่มีมูลค่า 15,000 ล้านบาท จึงวางแผนตั้งแต่ปี 2558 เพื่อพัฒนาโซดาสูตรใหม่ เพื่อตอบโจทย์ผู้ดื่มสุราสีให้ดื่มแล้วอร่อยที่สุด เพราะส่วนใหญ่แล้วผู้ซื้อโซดาก็ซื้อไปเพื่อดื่มสุราสี ไม่ได้ซื้อไปเพื่อวัตถุประสงค์อื่น สุดท้ายแล้วก็ได้ผลิตภัณฑ์โซดาแบรนด์ใหม่ขึ้นมาภายใต้ชื่อ Rock Mountain

“จุดเริ่มต้นชื่อนี้อาจดูแปลกๆ เพราะเราเล่นกับคำว่า Rock เมา เต้น เพราะคนดื่มสุรา เวลาเมาก็ต้องเต้น แล้วถามว่าดื่มสุราสีก็ต้องมี Mixer แล้วทำไมไม่พัฒนาสูตรให้มันดื่มกับสุราสีแล้วอร่อยล่ะ แล้วอยากให้มองอีกเรื่องคือ ทำไมเวลาผสมต้องกินโซดาน้ำ ก็เพราะโซดามันซ่าเกินไปจนต้องเอาน้ำเปล่าลงไปด้วย ซึ่งตรงนี้เอง ThaiBev จึงเร่งพัฒนาสูตรโซดาเสียใหม่ เช่นการนำเทคโนโลยี Cold Infusion ที่ทำให้โซดาซ่านานขึ้นมาใช้งาน และมันยังมี Room ของตลาดนี้อยู่ เพราะตลาดนี้ผูกขาดโดยคู่แข่งมานาน จึงทุ่มงบ 250 ล้านบาทเพื่อปูพรมการตลาดทุกช่องทาง เพื่อจูงใจทั้งตัวผลิตภัณฑ์ และรสชาติ”

ประภากร ทองเทพไพโรจน์ กรรมการผู้อำนวยการ กลุ่มธุรกิจสุรา ThaiBev
ประภากร ทองเทพไพโรจน์ กรรมการผู้อำนวยการ กลุ่มธุรกิจสุรา ThaiBev

ขายราคาเท่าคู่แข่ง พร้อมยกเลิกทำตลาดโซดาช้าง

สำหรับราคาของ Rock Mountain นั้นจะเทียบเท่ากับคู่แข่ง (ราว 10 บาท) และไม่มีการขายพ่วง หรือขายตัดราคาแน่นอน รวมถึงแบรนด์นี้ยังทำตลาดทั้งแบบขวด One Way (ใช้ครั้งเดียว) และขวดคืน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ซื้อทุกรูปแบบ ซึ่ง Rock Mountain ได้วางจำหน่ายไปตั้งแต่เดือนก.ย. 2559 และเตรียมทำตลาดอย่างเต็มรูปแบบในช่วงสิ้นปี แต่ด้วยบรรยากาศไม่เอื้ออำนวย ทำให้หยุดเอาไว้ก่อน และเตรียมส่งแผนการตลาดเต็มรูปแบบในช่วงต้นปี โดยใช้คำเชิญชวน “อร่อยทุกแก้ว” เพื่อดึงดูดใจทั้งผู้ดื่มหน้าใหม่ และผู้ที่อยากลองรสชาติที่ไม่เหมือนเดิม

ในทางกลับกัน เพื่อทุ่มการตลาดให้กับ Rock Mountain อย่างเต็มที่ ThaiBev จึงมีนโยบายยกเลิกการจำหน่ายโซดายี่ห้อ Crystal ทั้งขวด One Way และขวดคืน รวมถึงยุติการทำการตลาดให้กับโซดายี่ห้อ ช้าง แต่ยังมีจำหน่ายอยู่ พร้อมกำหนด Position ใหม่ให้เป็นโซดาราคาถูกกว่า Rock Mountain และเหมาะสำหรับซื้อไปใช้ประกอบอาหาร หรือผสมน้ำหวานในรูปแบบต่างๆ แทน และถึงคู่แข่งจะออกโซดาแบรนด์ใหม่มา ก็ไม่ได้กระทบกับแผนการตลาดของบริษัทมากนัก เพราะวาง Position ให้กับ Rock Mountain ชนกับโซดาแบรนด์หลักของคู่แข่ง และตั้งเป้าส่วนแบ่ง 30% (ไม่รวมโซดาช้าง) ในตลาดนี้

ภาพ pixabay.com
ภาพ pixabay.com

อ่านตลาดโซดา และพฤติกรรมนักดื่มไทย

อย่างไรก็ตาม ประภากร อธิบายต่อว่า ตลาดโซดาในประเทศไทยไม่ได้มีแค่ขวดแก้ว แต่ยังมีโซดาที่อัดกระป๋อง และมีแบรนด์ต่างประเทศเข้ามาทำตลาดเช่นกัน แต่ไม่ได้ประสบความสำเร็จนัก เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคชาวไทยนิยมดื่มน้ำเปล่า หรือ Still Water มากกว่า Sparkling Water โดยหากไล่ลำดับความซ่าจะมีตั้งแต่แบรนด์ Schweppes (ชเวปส์) ที่เป็นโซดาบรรจุกระป๋อง เพราะกระป๋องอลูมิเนียมบรรจุแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งเป็นตัวการทำให้เกิดความซ่า ได้เพียง 3 กรัม แต่ถ้าเป็นขวดแก้วจะได้มากนัก 9 กรัม แต่ถ้าซ่าเกินไปผู้ดื่มก็ไม่ชอบ บางท่านอาจผสมน้ำ หรือถ้าใส่โซดาอย่างเดียวก็อาจตั้งรอไว้ก่อน

ส่วนวัฒนธรรมมการดื่มสุราในประเทศไทยตอนนี้ ส่วนใหญ่ยังมีแนวคิดถ้ามีเงินก็ดื่มสุราสี แต่ถ้าไม่มีก็ดื่มสุราขาว เพราะเวลาจะดื่มสุราสี นอกจากราคาที่สูงกว่าแล้ว ยังต้องซื้อน้ำแข็ง และ Mixer ต่างๆ ซึ่งคิดเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าสุราขาวที่เพียงกินเป็นเป๊กก็สามารถผ่อนคลายได้ โดยราคาส่วนใหญ่ของตลาดสุราสีตอนนี้อยู่ที่ 200 – 300 บาท บริโภคกันปีละ 160 ล้านลิตร และที่เห็นว่าราคาเฉลี่ยต่ำ เพราะ ThaiBev ครองตลาดถึง 95% ดังนั้นที่เหลือที่เป็นสุรานำเข้าจึงเข้ามาเพิ่มมูลค่าของตลาดนี้ได้ไม่มากนัก

สรุป

การเข้ามาของ ThaiBev กับโซดา Rock Mountain คงสร้างแรงกระเพิ่มในตลาดให้กับสิงห์ที่ครอง 95% ของมูลค่าตลาด 15,000 ล้านบาท และถึงจะออกโซดา Leo มา ก็คงแข่งลำบาก เพราะด้วยความแข็งแกร่งเรื่องการกระจายสินค้า และกลยุทธ์ทางการตลาดของ ThaiBev ที่ทุกคนรู้กันดีอยู่แล้วว่าเป็นอย่างไร

ดังนั้นคงต้องมองกันยาวๆ ถึงปีหน้าว่าตลาดจะหันมาผสม Rock Mountain ไหม เหมือนกับที่ ThaiBev กำลังปั้น Est จนเริ่มแข็งแรงในตลาดน้ำดำ และน้ำสี ผ่านการเจาะไปที่กลุ่มวัยรุ่นโดยเฉพาะ ซึ่งคราวนี้ก็เจาะไปที่นักดื่มสุราสี แต่ถ้าใครไม่ดื่มสุราก็คงไม่เข้าใจว่าทำไมตลาดนี้ถึงต้องแข่ง และอัดการตลาดกันขนาดนี้

 

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา