พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป + การเมืองที่ไม่แน่นอน
Starbucks รายงานผลประกอบการในสหราชอาณาจักรประจำปี 2018 พบว่า ผลประกอบการขาดทุนไปทั้งหมด 22 ล้านดอลลาร์ (676 ล้านบาท) ถือเป็นตัวเลขที่น่าเป็นห่วง เพราะปีก่อนหน้านี้ Starbucks ในสหราชอาณาจักรมีกำไรอยู่ถึง 4.6 ล้านปอนด์ (180 ล้านบาท)
สาเหตุสำคัญหลักๆ มาจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคนี้ คือการซื้อของจากที่ใดก็ได้ สั่งออนไลน์แต่ประสบการณ์ต้องไม่ต่างจากออฟไลน์ พูดง่ายๆ ก็คือ “การเดลิเวอรี่” นั่นเอง
- แต่ความหมายสำหรับ Starbucks คือชัดเจนว่า ยุคนี้ลูกค้าจะไปนั่งในหน้าร้านสาขาน้อยลง ดังนั้น Starbucks จึงต้องปรับกลยุทธ์มารองรับ
โดยปัจจุบัน Starbucks ได้ประกาศปิดหลายสาขาที่ไม่ทำเงินไปจำนวนหนึ่งแล้ว และหันมาเน้นหาสาขา Drive-Through มากขึ้น (ปัจจุบัน Starbucks มีสาขาในสหราชอาณาจักรเกือบ 1,000 สาขา ในจำนวนนี้ประมาณ 100 สาขาเป็น Drive-Through)
อย่างล่าสุด Starbucks ได้จับมือกับ UberEats ขยายบริการส่งกาแฟเดลิเวอรี่ในลอนดอน และยังได้เตรียมขยายบริการเดลิเวอรี่ไปสู่ยุโรปและแถบตะวันออกกลางในปลายปีนี้ด้วย แต่ทั้งนี้สิ่งที่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้างอีกหนึ่งเรื่องคือการเมืองอังกฤษในช่วงที่ผ่านมามีความผันผวนสูง ซึ่งแน่นอนว่า Brexit ส่งผลโดยตรงต่ออุตสาหกรรมค้าปลีก ทำให้ยอดขายของ Starbucks ในอังกฤษลดลงไปด้วย
หนึ่งในท่าของ Starbucks คือขายสิทธิ์ดูแล
จะเห็นได้ว่าก้าวเดินของ Starbucks ในช่วงนี้คือการขายสิทธิ์การดูแลธุรกิจให้กับผู้อื่น เช่นในยุโรป Starbucks ได้ขายสิทธิ์การดูแลให้กับ Alsea SAB ดูแลกิจการในเนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม และลักเซมเบิร์กเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
และอันที่จริง ถ้าหันมาดูฝั่งบ้านเรา Starbucks ก็เพิ่งขายสิทธิ์ดูแลให้กับ Coffee Concepts Thailand ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่าง Maxim’s Caterers Limited (ผู้รับสิทธิ์ดูแลร้าน Starbucks ใน กัมพูชา สิงคโปร์ เวียดนาม ฮ่องกงและมาเก๊ากว่า 400 สาขา) ร่วมกับหุ้นส่วนฝั่งไทยคือ F&N Retail Connection Co. บริษัทในเครือไทยเบฟ
หนึ่งในสนามรบใหญ่ของ Starbucks คือตลาดกาแฟจีน
การขายสิทธิ์ดูแลของ Starbucks สะท้อนอะไรบ้างยังคงเป็นสิ่งที่ต้องติดตาม นักวิเคราะห์หลายคนมองว่าการขายสิทธิ์ดูแลของ Starbucks เป็นไปเพราะต้องการทุ่มเงินไปสู้ในศึกกาแฟจีน เพราะมันคือสนามรบใหญ่ของ Starbucks อย่างไรก็ดี เมื่อดูท่าแล้ว Starbucks ยังคงต้องทุ่มพลังอีกมากเพื่อสู้กับ Luckin Coffee สตาร์ทอัพสายกาแฟจีนที่มาแรง พร้อมทั้งประกาศไว้ว่าจะโค่นล้ม Starbucks ในแง่สาขาให้ได้ภายในปีนี้
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา