นอกจากรถยนต์ไฟฟ้าจะเป็นสิ่งที่ค่ายผู้ผลิตรถยนต์ต้องเร่งพัฒนา ตัวรถยนต์ไร้คนขับก็จำเป็นไม่แพ้กัน จึงไม่แปลกที่ Hyundai หนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ที่ใหญ่เป็น 10 อันดับแรกของโลก ต้องจริงจังกับเรื่องนี้เช่นกัน
อีกขั้นของการเดินเกมรถยนต์ไร้คนขับ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับนั้นไม่ง่ายเลยสำหรับค่ายผู้ผลิตรถยนต์กลุ่มดั้งเดิม เพราะไม่ว่าจะค่ายไหนก็ต้องหันหาพาร์ทเนอร์ทางเทคโนโลยีนี้เสียหมด และเมื่อเดือนม.ค. 2561 กลุ่ม Hyundai ก็เป็นผู้ผลิตรถยนต์อีกรายที่พาร์ทเนอร์กับ Aurora บริษัท Startup ด้านรถยนต์ไร้คนขับที่ก่อตั้งเมื่อเดือนม.ค. 2560
รายละเอียดของการพาร์ทเนอร์ครั้งนั้นคือ Aurora จะนำอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเซ็นเซอร์, ตัวซอฟท์แวร์ และอื่นๆ ไปติดตั้งในรถยนต์ไฟฟ้าแบบ Fuel-Cell (FCEV) รุ่น NEXO ของ Hyundai ทั้งยังทดลองเทคโนโลยีนี้กับรถยนต์รุ่นอื่นๆ ของ Hyundai และ Kia (หนึ่งในแบรนด์ของกลุ่ม Hyundai) ด้วย
แต่เพื่อเพิ่มความจริงจังกว่านั้น Hyundai จึงประกาศลงทุนใน Aurora แม้จะไม่ได้เปิดเผยตัวเลขออกมา แต่ก็มีการคาดการณ์ว่า Hyundai น่าจะลงทุนใน Aurora ด้วยมูลค่าราว 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 940 ล้านบาท) โดยการลงทุนนี้เกิดขึ้นจากหลัง Aurora ระดมทุนระดับ Series B จำนวน 530 ล้านดอลลาร์ (ราว 16,000 ล้านบาท)
หากนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทเมื่อ 2 ปีก่อน ปัจจุบัน Aurora ระดมทุนไปได้กว่า 700 ล้านดอลลาร์ (ราว 21,000 ล้านบาท) ส่วนการลงทุนระหว่าง Hyundai กับ Aurora จะทำให้ทั้งสองบริษัททำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับระดับ 4 ได้ตามเป้าหมายของ Aurora
สำหรับเทคโนโลยีถยนต์ไร้คนขับระดับ 4 หมายถึงรถยนต์ไร้คนขับที่สามารถขับขี่ในสถานการณ์ปกติได้ ถือเป็นขั้นสุดท้ายก่อนไปที่ระดับ 5 หรือรถยนต์ไร้คนขับที่ขับขี่ได้ทุกสถานการณ์ ซึ่ง Aurora ก็ตั้งเป้าพัฒนาไปถึงจุดนั้นเช่นกัน แต่ก็ต้องดูว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้กับ Hyundai ในการพัฒนารถยนต์ไร้คนขับระดับ 4 ภายในปี 2564 จะทันหรือไม่
สรุป
การเดินหน้าของ Hyundai ครั้งนี้ก็น่าจะทำให้การพัฒนารถยนต์ไร้คนขับทำได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้นอย่างแน่นอน แต่ด้วย Aurora นั้นเป็นพาร์ทเนอร์กับหลายค่ายผู้ผลิตรถยนต์ เช่น Fiat Chrysler ก็ทำให้ความแตกต่างระหว่างเทคโนโลยีอาจไม่ต่างกันนัก และจะนำความแตกต่างเรื่องเทคโนโลยีมาชูเป็นจุดขายได้ยาก
อ้างอิง // Techcrunch, ภาพ Hyundai
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา