ด้วยสถานการณ์ที่ไม่ดีนักของ Fiat Chrysler หลังยอดขายหลักอย่างสหรัฐอเมริกามีผลกำไรลดลงเกือบครึ่งหนึ่งในไตรมาสแรกของปี 2562 ทำให้ค่ายที่เคยประกาศว่าจะยืนหยัดด้วยตัวเองกลับไปเจรจาหาพันธมิตรกับ Renault
ระส่ำทั้งคู่ เพราะเจอกับวิกฤติพร้อมๆ กัน
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า Fiat Chrysler กำลังประสบปัญหาผลกำไรในสหรัฐอเมริกาที่ลดลง เพราะการปรับเปลี่ยนเรื่องกลยุทธ์การผลิต ยิ่งประกอบกับตลาดยุโรปที่มีปัญหามาระยะหนึ่งแล้ว ก็ทำให้ค่ายผู้ผลิตรถยนต์ลูกผสมอิตาลี-สหรัฐฯ ต้องหาวิธีใหม่ๆ เพื่อพลิกธุรกิจให้กลับมาดูดีขึ้นอีกครั้ง
และนั่นเป็นที่มาของข่าวการเจรจาร่วมมือกันระหว่าง Fiat Chrysler และ Ranault โดยแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องกับดีลดังกล่าวแจ้งว่า ดีลนี้คืบหน้าไปมากแล้ว โดยจุดประสงค์หลักของดีลนี้คือทำให้ทั้งคู่สามารถต่อสู้กับการเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมรถยนต์ รวมถึงการกำกับดูแลเรื่องมลพิษที่เข้มข้นขึ้นทั่วโลก
สำหรับการเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยีรถยนต์ก็มีทั้งรถยนต์ไฟฟ้า, การเชื่อมต่อรถยนต์กับระบบต่างๆ รวมถึงการพัฒนารถยนต์ไร้คนขับที่ต้องอาศัยการลงทุนเรื่อง AI จำนวนมาก ส่วนการควบคุมเรื่องมลพิษนั้น ปัจจุบันกลุ่มประเทศยุโรป และจีนก็ส่งนโยบายมาควบคุมเรื่องนี้แล้ว โดยเฉพาะการห้ามใช้รถเครื่องสันดาปภายในเพื่อลดมลพิษทางอากาศ
อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่ครั้งแรกของ Fiat Chrysler ที่ตกเป็นข่าวการเป็นพันธมิตรกับค่ายผู้ผลิตรถยนต์รายอื่น เพราะก่อนหน้านี้ก็มีข่าวกับ PSA Peugeot หนึ่งในยักษ์ใหญ่ของค่ายผู้ผลิตรถยนต์จากยุโรป ซึ่งขัดกับคำกล่าวของ Mike Manley ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Fiat Chrysler ที่เคยบอกว่าบริษัทไม่มีความจำเป็นต้องไปร่วมมือกับใคร
ในทางกลับกัน Renault ปัจจุบันก็ค่อนข้างมีปัญหาหลังกลุ่มพันธมิตร Renault-Nissan-Mitsubishi เริ่มไม่ลงรอยกันเหมือนเดิม เพราะ Carlos Ghosn ผู้ทำให้พันธมิตรนี้เกิดขึ้นถูกจับ แต่หลังจากข่าวนี้เกิดขึ้นก็แสดงให้เห็นว่า ค่ายผู้ผลิตรถยนต์มีความจำเป็นที่ต้องร่วมมือกันมากขึ้น เพื่อฝ่าฝันความท้าทายในอุตสาหกรรมนี้
สรุป
ยังไม่มีความชัดเจนว่าดีลดังกล่าวจะเกิดขึ้นหรือไม่ แต่ส่วนตัวเชื่อว่าทั้งสองค่าย รวมถึงค่ายผู้ผลิตรถยนต์อื่นๆ อาจร่วมมือกันอีกในอนาคต เพราะล่าสุด Volkswgen กับ Ford ก็ประกาศความร่วมมือไปแล้ว โดยเน้นที่การทำเทคโนโลยี ซึ่งมันชี้ให้เห็นเลยว่า ถ้าจะรุกตลาดด้วยเทคโนโลยีใหม่ มันสู้คนเดียวไม่ได้
อ้างอิง // Japan Today
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา