เจ้าหน้าที่คณะกรรมการการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน กำลังตัดสินใจที่อาจจำกัดการส่งออกแร่หายากให้กับสหรัฐ และอาจใช้เป็นเครื่องมือต่อรองกับสหรัฐ ในเกมสงครามการค้าอีกด้วย
คณะกรรมการการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน หรือ NDRC อาจตัดสินใจใช้ไม้แข็งกับสหรัฐอเมริกา ด้วยการจำกัดการส่งออกแร่หายาก หรือ Rare Earth ถ้าหากรัฐบาลสหรัฐฯ ยังบีบจีนไม่เลิก โดยเฉพาะหลังจากการแบนอุปกรณ์โทรคมนาคมที่เป็นภัยต่อความมั่นคง ทำให้บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Huawei ได้รับผลกระทบทันทีเนื่องจากบริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐต้องทำตามคำสั่งบริหารนี้ ทำให้ไม่สามารถเป็น Supplier ในอนาคตได้
- รู้หรือไม่ ไทยเป็นเบอร์ 5 ผู้ผลิต “แร่ Rare Earth” แร่หายากที่เป็นกุญแจสำคัญของสงครามการค้า
- มาทำความเข้าใจเรื่องกรณี กูเกิล แบนการทำธุรกิจกับ หัวเว่ย และเรื่องราวหลังจากนี้ที่จะเกิดขึ้น
- เหริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Huawei เตรียมประท้วงถ้าหากรัฐบาลจีนจะเล่นงาน Apple กลับ
หนังสือพิมพ์ Global Times สื่อภาษาอังกฤษควบคุมโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีน ได้ออกบทบรรณาธิการว่า จีนอาจไม่ส่งออกแร่หายากให้ ถ้าหากสหรัฐยังคบบีบจีนต่อไป และยังได้อ้างถึงคำพูดของเจ้าหน้าที่ NDRC ว่า “ถ้าหากมีประเทศไหนที่ใช้แร่หายากในจีนสำหรับการผลิตสินค้าและยังจำกัดการพัฒนา (เทคโนโลยี) ในจีน ชาวจีนไม่มีความสุขกับเรื่องนี้แน่นอน” และเจ้าหน้าที่ของ NDRC อาจใช้เรื่องนี้เป็นข้อต่อรองกับสหรัฐฯ
ก่อนหน้านี้หนังสือพิมพ์ Global Times ก็เคยตีพิมพ์บทบรรณาธิการว่า จีนสามารถใช้แร่หายากเป็นเครื่องต่อรองทางการค้ากับสหรัฐได้ และยังได้กล่าวว่าไม่มีใครเป็นผู้ชนะในเกมสงครามการค้านี้ด้วย
ปัจจุบันสหรัฐฯ ได้นำเข้าแร่หายากจากประเทศจีนในช่วงปี 2014 ถึง 2017 เป็นสัดส่วนสูงถึง 80% โดยแร่หายากประกอบด้วยแร่ 17 ชนิด ใช้ในอุปกรณ์ต่างๆ ตั้งแต่ทั้งในโทรศัพท์มือถือ กังหันลม รถยนต์ไฟฟ้า เรดาร์ มิสไซล์ ฯลฯ และจะกระทบบริษัทของสหรัฐทันทีไม่ว่าจะเป็น Apple และ Qualcomm รวมไปถึง Raytheon ผู้ผลิตอาวุธรายใหญ่ของสหรัฐ ฯลฯ
เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง กับ หลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีของจีน และเป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจที่ประธานาธิบดีจีนไว้ใจมากคนหนึ่ง ได้ไปเยี่ยมโรงงานผลิตแร่หายาก JL MAG Rare-Earth ที่เมืองก้านโจว ซึ่งเป็นหนึ่งเมืองที่ผลิตแร่หายาก ซึ่งส่งสัญญาณไปสหรัฐว่าจีนอาจเอาจริงในเรื่องนี้
การงดส่งออกแร่หายากไปยังประเทศอื่น ไม่ใช่กรณีใหม่ของจีน เพราะจีนเคยงดส่งออกแร่หายากให้กับญี่ปุ่นมาแล้วในปี 2010 ซึ่งมีกรณีข้อพิพาทพื้นที่ทางทะเลระหว่างกัน ขณะเดียวกันถ้าหากสหรัฐนำเข้าจากประเทศอื่นๆ เช่น ออสเตรเลีย มาเลเซีย ฯลฯ ก็จะมีปริมาณที่ไม่เพียงพออยู่ดี
ที่มา – Global Times, Business Insider, BBC
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา