เส้นทางธุรกิจ “สิงห์ เอสเตท” ตั้งเป้า 5 ปีมีสินทรัพย์แสนล้านบาท เตรียม IPO รร.ปีนี้

“สิงห์” นอกจากทำธุรกิจเครื่องดื่มแล้ว เมื่อปี 2014 ยังมีบริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ชื่อ “สิงห์ เอสเตท” ที่ตอนนี้ 5 ปีผ่านไปมีมูลค่าสินทรัพย์กว่า 60,000 ล้านบาท นอกจากลงทุนก่อสร้างตึกออฟฟิส คอนโดมิเนียมในไทย ยังเตรียมขยายธุรกิจไปต่างประเทศ

สิงห์ เอสเตท ตั้งเป้าหมาย 5 ปีมูลค่าสินทรัพย์แตะ 100,000 ล้านบาท

ปัจจุบันอสังหาริมทรัพย์ในไทยราคาปรับตัวขึ้นไปสูง ใครที่ทำธุรกิจนี้นอกจากหันไปเน้นลูกค้ากลุ่มบนเพื่อเพิ่มกำไร อีกทางคือขยายการลงทุนในต่างประเทศเพื่อกระจายความเสี่ยง ดังนั้น “สิงห์ เอสเตท” ที่ลงเสาเข้มหลายโครงการในไทย จึงเริ่มกระจายการลงทุนไปประเทศอื่นๆ และตั้งเป้าหมายภายใน 5 ปีนี้จะมีสินทรัพย์เพิ่มขึ้นเป็น 100,000 ล้านบาท

ขณะนี้บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) มี 3 ธุรกิจได้แก่ 1. การลงทุนสร้างโครงการต่างๆ เช่น โครงการสิงห์ คอมเพล็กซ์ ตึกออฟฟิศในย่านอโศก ฯลฯ 2.ส่วน Residence สร้างคอนโดมิเนียมในอโศก 3.ธุรกิจ Hospitality ภายในมิ.ย. จะมีโรงแรม 39 แห่งจาก 5 ประเทศ

และตั้งเป้าหมายเป็น Global Holding Company คือเป็นองค์กรที่ลงทุนในธุรกิจอื่นๆ โดยนำ 2 ธุรกิจเข้าตลาดหลักทรัพย์ ได้แก่ บริษัท เนอวานา ไดอิ จำกัด (มหาชน) หรือ NVD และ กองทรัสต์ SPRIME ที่จะบริหารธุรกิจอาคารสำนักงาน และภายในปีนี้คาดว่าจะนำธุรกิจโรงแรมเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์

สิงห์ เอสเตท เตรียม IPO ธุรกิจโรงแรมในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

นริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ S บอกว่า 5 ปีที่ผ่านมา สิงห์ เอสเตท ลงทุนอย่างต่อเนื่องและปีนี้ตั้งเป้าหมายสร้างองค์กรที่เป็น Holding มากขึ้น ภายในปี 2019 จะนำบริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR ที่ดูแลธุรกิจโรงแรมเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

“เมื่อวันที่ 13 พ.ค. 2019 ยื่น Filing ให้กลต. โดยมีกระบวนการพิจารณาอนุมัติ 120 วัน หากผ่านทุกขั้นตอนคกว่าจะสามารถ IPO เสนอขายภายในปีนี้”

SHR เป็นธุรกิจด้านโรงแรม 39 แห่ง (ภายใน มิ.ย.2019 นี้) เช่น โรงแรมในอังกฤษ มัลดีฟ​ ฯลฯ มีมูลค่าสินทรัพย์รวม 26,000 ล้านบาท และสร้างรายได้ให้กับสิงห์ เอสเตท กว่า 40% ปี 2019 นี้คาดว่าจะลงทุนอีกอย่างน้อย 4-5 พันล้านบาท โดยตั้งเป้าหมายปี 2025 จะมีโรงแรมเพิ่มขึ้นเป็น 75 แห่ง กระจายในหลายประเทศ โดยจะเน้นเพิ่มโรงแรมที่พร้อมสร้างรายได้ให้บริษัท

ทำไมต้องนำ SHR เข้าตลาดหุ้น

การเป็นบริษัท Holding คือ บริษัทจะมีรายได้จากการถือหุ้นในบริษัทอื่นๆ และไม่ทำเน้นธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง ดังนั้น สิงห์ เอสเตท จึงนำธุรกิจในเครือเข้าตลาดหุ้น อย่างต่อเนื่องรวมถึง SHR ที่คาดว่าปี 2019 จะมีรายได้ประมาณ 8,000 ล้านบาท (คิดเป็น 40% จากประมาณการรายได้ปี 2019 ของสิงห์ เอสเตทที่ 20,000 ล้านบาท)

ทั้งนี้การนำ SHR เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ จะทำให้ SHR ไม่ต้องพึ่งพาเงินทุนสนับสนุนจาก สิงห์ เอสเตท เหมือนในปัจจุบัน หลังการ IPO สถานะการเงินจะแข็งกร่งขึ้น เพราะมีทางเลือกในการหาเงินทุนมากขึ้น เช่น การออกตราสารเงิน ฯลฯ รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นในธุรกิจร่วมกับพันธมิตรใหม่ๆ สร้างโอกาสในการซื้อกิจการโรงแรมอื่นๆ ได้มากขึ้น

ปัจจุบัน SHR มีทุนจดทะเบียน 17,000 ล้านบาท มีทุนที่ชำระแล้วกว่า 10,000 ล้านบาท และมี D/E (อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น) อยู่ที่ 1.3% เท่า หลังการเข้า IPO ในตลาด อย่างไรก็ตามจะ IPO ไม่เกิน 40% ของทุนชำระแล้วของ SHR ทั้งนี้มูลค่าของหุ้นที่ตราไว้ (ราคาพาร์) อยู่ที่ 5 บาทต่อหุ้น

ปี 2019 นี้เป็นปีเก็บเกี่ยว จากที่ สิงห์ เอสเตทลงทุนมากว่า 5 ปี รายได้ปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 20,000 ล้านบาท ในภาพรวมหากโครงการต่างๆ เช่น โครงการสิงห์ คอมเพล็กซ์ มีอัตราเช่าเต็ม 100% (ปัจจุบันอยู่ที่ 90%) อาจจะนำเข้าไปในกอง SPRIME 

สรุป

สิงห์ เอสเตท เริ่มนำทรัพย์สินกระจายในหลายบริษัท เพื่อเป็น Holding Company เต็มตัว แต่หลังจากนี้โครงสร้างรายได้จะเป็นอย่างไรต้องติดตามต่อไป

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา