ปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้าเป็นเรื่องที่หลายประเทศมีนโยบายส่งเสริม เพราะมันช่วยแก้ปัญหาเรื่องมลพิษต่างๆ และล่าสุด “ลาว” ก็เตรียมขับเคลื่อนเรื่องนี้ด้วยการเดินหน้าโครงการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าอัจริยะแล้ว
ยกระดับประเทศด้วยบริษัทร่วมทุนระหว่างไทย-ลาว
ประเทศลาวคือหนึ่งในประเทศของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ที่มีทรัพยากรธรรมชาติจำนวนมาก แต่ถึงอย่างไรก็ต้องนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงจากต่างประเทศเกือบ 2,000 ล้านลิตร คิดเป็นมูลค่ากว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 31,900 ล้านบาท) เมื่อปี 2559 ดังนั้นการหาพลังงานทดแทนเข้ามาช่วยก็น่าจะดีไม่น้อย
เหตุนี้เองทางการของประเทศลาวจึงหาหนทางใหม่ๆ มาแก้ไข สุดท้ายแล้วมาจบที่การเซ็นสัญญาระหว่างบริษท อีวีลาว จำกัด (EV Lao) บริษัทด้านพลังงานร่วมทุนระหว่างไทย-ลาว และบริษัท ผลิตไฟฟ้า-ลาว มหาชน (Electricite du Laos หรือ EDL) รัฐวิสาหกิจของลาว เพื่อเดินหน้าโครงการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ
คำมะนี อินทิลาด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและเหมืองแร่ลาว เล่าให้ฟังว่า หนึ่งในแผนตั้งแต่ปีนี้ถึงปี 2568 ของลาวคือการส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดเพื่อลดมลพิษในภาคการขนส่ง และคมนาคม ซึ่งการใช้พลังงานทดแทนมันช่วยได้ ประกอบกับก่อนหน้านี้เราใช้พลังงานน้ำ, แสงอาทิตย์ และลม มาผลิตไฟฟ้าได้ 26,000 เมกะวัตต์ด้วย
EVen กับอนาคตของประเทศลาวที่ปลอดมลพิษ
โครงการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะมีชื่อว่า EVen (อีวีเอ็น) โดยเชื่อมต่อเข้ากับการไฟฟ้าแห่งชาติลาวเพื่อนำไฟมาจ่ายให้กับสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ต่างๆ โดยเริ่มต้นที่เมืองเวียงจันทน์ และหลังจากทดลองไประยะหนึ่งก็จะนำข้อมูลต่างๆ มาวิเคราะห์ เพื่อใช้ออกนโยบายพลังงานสะอาดในอนาคต
“ก่อนมีการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในลาวอย่างเป็นทางการก็ต้องมีโครงสร้างพื้นฐานของประเทศให้ดีก่อน โดยเฉพาะสถานีชาร์จ, ศูนย์บริการ รวมถึงเทคโนโลยีการควบคุมต่างๆ แต่เราตัดสินใจเดินหน้าในเรื่องสถานีชาร์จก่อน และคิดว่ามันน่าจะสร้างความยั่งยืนให้กับพลังงานอนาคตของลาว” บุญเลิศ หลวงประเสริฐ ประธานบริษัท อีวีลาว จำกัด กล่าว
รัฐบาลเตรียมสนับสนุนทั้งภาษี และสิทธิประโยชน์อื่นๆ
ขณะเดียวกันรัฐบาลลาวเตรียมให้การสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าในแง่มุมอื่นๆ อย่างเต็มที่ เช่น การนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าโดยเสียภาษี 0% และการกระตุ้นในแง่มุมอื่นๆ ที่จะเปิดเผยในอนาคต เพราะหลังจากที่รัฐบาลที่วิเคราะห์การใช้งาน พบว่าสามารถประหยัดค่าเชื้อเพลิงมากกว่ารถยนต์ใช้น้ำมัน 4 เท่า และมีค่าบำรุงรักษาต่ำกว่าด้วย
สรุป
รถยนต์ไฟฟ้าเป็นเรื่องที่หลายรัฐบาลต้องขับเคลื่อนอย่างจริงจัง เพราะนอกจากช่วยลดมลพิษให้กับประเทศแล้ว ยังช่วยประหยัดงบประมาณด้านนำเข้าพลังงานได้เช่นกัน แต่ถึงอย่างไรตัวโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ก็ต้องพัฒนาให้ดีเช่นเดียวกัน ไม่อย่างนั้นการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าจริงๆ ก็คงเกิดยาก
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา