ผลสำรวจชี้ คนรุ่นใหม่ต้องการการทำงานที่ยืดหยุ่น มากกว่าจำนวนวันหยุด

IWG เผยผลสำรวจของพนักงานบริษัทยุคใหม่ พบว่าต้องการการทำงานที่ยืดหยุ่นมากกว่าสวัสดิการอื่นใด เป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องการร่วมงานด้วย มากกว่าจำนวนวันหยุดเสียอีก

Photo : Shutterstock

IWG ผู้ดำเนินการบริหารแบรนด์ผู้ให้บริการพื้นที่สำนักงานชั้นนำระดับโลก อย่าง Regus และ Spaces ได้จัดทำผลสำรวจกลุ่มนักธุรกิจจำนวนกว่า 15,000 คน ใน 80 ประเทศทั่วโลก พบว่า 83% ของผู้ตอบแบบสำรวจมองว่าการทำงานที่ยืดหยุ่น” ถือเป็นบริบทใหม่ของคนทำงานในยุคปัจจุบันและยังเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกองค์กรเข้าร่วมทำงาน โดยมากกว่า 50% ของผู้ตอบแบบสำรวจมีความต้องการในการทำงานนอกสถานที่อย่างน้อย 2 – 3 วันต่อสัปดาห์

โดยคำนึงถึงปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ให้ความยืดหยุ่นมากกว่าจำนวนวันหยุด อีกทั้งองค์กรที่ขาดนโยบายด้านความยืนหยุ่นในการทำงานมีแนวโน้มที่จะสูญเสียพนักงานที่มีความรู้ความสามารถสูงกว่าองค์กรที่มีความยืดหยุ่นในการทำงานทั้งในด้านเวลาทำงาน และ สถานที่ทำงาน ซึ่งในช่วง 10 ปีที่ผ่านมากว่า 85% ขององค์กรต่างๆ ได้มีการปรับเพิ่มนโยบายในการทำงานที่ยืดหยุ่นมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม 60% ของผู้ตอบแบบสำรวจเห็นว่า ในบางองค์กรมีแนวโน้มที่ไม่สามารถประยุกต์แนวคิดการทำงานที่ยืดหยุ่นได้ ดังเช่นองค์กรที่มีการทำงานมายาวนาน ซึ่งส่วนใหญ่จะมีข้อจำกัดในการเพิ่มความยืดหยุ่นในการทำงาน เพราะเกรงว่าการทำงานในรูปแบบดังกล่าว จะส่งผลกระทบต่อวัฒนธรรมองค์กรและแนวทางการทำงานที่มีมาอย่างยาวนาน

ในปัจจุบันองค์กรต่างๆ ทั่วโลก จำเป็นต้องเพิ่มความคล่องตัวในการปรับตัวให้สอดคล้องรับกับความเปลี่ยนแปลงของโลกที่เกิดขึ้น ซึ่งจากผลสำรวจแสดงให้เห็นถึงความจำเป็นของการพิจารณาเอาแนวคิดการทำงานแบบยืดหยุ่นเข้ามาประยุกต์ใช้ในองค์กร เพื่อให้เกิดประโยชน์ในด้านต่างๆ ขององค์กร อาทิ ประโยชน์เชิงกลยุทธ์และการเงิน การสร้างความได้เปรียบในการดึงดูดพนักงานที่เป็นคนรุ่มใหม่ให้มีความสนใจในองค์กรยิ่งขึ้น และการรักษาพนักงานที่มีความรู้ความสามารถได้

การดึงดูดและรักษาพนักงานที่มีความรู้ความสามารถ

จากผลสำรวจ 71% ของผู้ตอบแบบสำรวจมองว่า การนำแนวคิดการทำงานที่ยืดหยุ่นมาใช้กับองค์กรสามารถช่วยดึงดูดและเฟ้นหาพนักงานที่มีความรู้ความสามารถและตอบโจทย์ความต้องการขององค์กรได้ดี พร้อมทั้งช่วยรักษาพนักงานที่มีความสามารถขององค์กรไว้ได้ดีมากยิ่งขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองของพนักงานที่มีต่อการทำงานที่ยืดหยุ่น โดยคิดเป็น 32% ของผู้ตอบแบบสำรวจพบว่าแนวคิดดังกล่าวมีความสำคัญและตอบโจทย์ความต้องการพนักงานได้ดีกว่าการมอบหมายงานที่มีบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบที่สูงขึ้น

ซึ่งในปัจจุบันพนักงานส่วนมากให้ความสำคัญกับความสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัว (Work/Life Balance) โดยจากผลสำรวจพบว่า แนวคิดการทำงานที่ยืดหยุ่นมีส่วนช่วยในการสร้างความสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวได้ถึง 78% รวมไปถึงการช่วยส่งเสริมสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีขึ้น ในกลุ่มพนักงานที่ได้รับผลกระทบจากความเครียด มีปัญหาด้านสุขภาพจิต พนักงานสูงอายุ เป็นต้น

การปรับปรุงประสิทธิภาพในการทำงาน

แนวคิดการทำงานที่ยืดหยุ่น ไม่เพียงจะช่วยให้พนักงานมีความสุขในการทำงานและมีสุขภาพที่ดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังมีส่วนช่วยในการปรับปรุงประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงานอีกด้วย โดยยืนยันได้จากผู้ตอบแบบสำรวจกว่า 85% เห็นว่าความยืดหยุ่นถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงานได้ดีที่สุด

รองลงมาคือ 21% กล่าวว่าประสิทธิภาพการทำงานที่ดีเป็นผลมาจากรูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่น ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสอดคล้องกับข้อมูลขององค์การสหประชาชาติที่ได้มีการระบุไว้ว่า ประสิทธิภาพการทำงานที่ลดลง นับเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกในช่วงไม่กี่ปีผ่านมา 

ความคล่องตัวในการทำงาน

ในช่วงภาวะเศรษฐกิจที่มีการผันผวนอยู่ขณะนี้ ทำให้องค์กรต่างๆ และผู้ประกอบการกำลังให้ความสำคัญในด้านความคล่องตัวของการดำเนินธุรกิจและการประหยัดต้นทุนค่าใช้จ่าย โดย 55% ของผู้ตอบแบบสำรวจยืนยันว่า ในปี 2562 นี้องค์กรต้องการความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจมากยิ่งขึ้นและมีแนวโน้มในการมองหาช่องทางการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ

และกว่า 64% ของผู้ตอบแบบสำรวจ ระบุว่าการทำงานแบบยืดหยุ่นมีส่วนช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพและย่นระยะเวลาในการขยายธุรกิจสู่ตลาดใหม่ในต่างประเทศได้ดียิ่งขึ้น โดย 66% ของผู้ตอบแบบสำรวจเลือกใช้แนวคิดการทำงานที่ยืดหยุ่นเพื่อรองรับความต้องการในการขยายธุรกิจ จำนวน 65% เผยว่าต้องการลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการทำงานโดยเลือกใช้พื้นที่สำนักงานที่มีความยืดหยุ่นและการบริการอย่างครบวงจร

ย่นระยะเวลาในการเดินทางไปทำงาน

จากผลสำรวจยังชี้ให้เห็นว่า 40% ของผู้ตอบแบบสำรวจมองว่าระยะเวลาในการเดินทางไปทำงานในแต่ละวันถือเป็นส่วนที่เลวร้ายที่สุดในการทำงานและเชื่อว่าการเดินทางไปทำงานอาจเป็นเรื่องที่ล้าสมัยในอีก 10 ปีข้างหน้า

โดย 22% ของผู้ตอบแบบสำรวจระบุว่า พวกเขาเดินทางไปทำงาน ‘สายเป็นประจำ’ เนื่องจากการจราจรในช่วงเช้าติดขัดและหยุดชะงักบ่อยครั้ง อีกทั้งยังใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเดินทางไปทำงานจึงมองว่าองค์กรควรปรับระเบียบเวลาในการเข้างานของพนักงานโดยรวมเวลาที่ใช้ในการเดินทางเข้าไปกับเวลาการทำงาน

บริบทใหม่ในการทำงาน

สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจและพนักงาน กว่า 50% ของผู้ตอบแบบสำรวจมองว่าการทำงานที่ยืดยุ่นถือเป็นบริบทใหม่ของคนทำงานในยุคปัจจุบัน เพราะพนักงานส่วนใหญ่ใช้เวลาทำงานนอกสถานที่มากกว่าอยู่ในออฟฟิศถึง 3-4 วันต่อสัปดาห์หรือมากกว่านั้น

โดยสามารถเห็นผลได้ชัดเจนจากกลุ่มผู้ตอบแบบสอบถามกว่า 70% ให้เหตุผลว่าสภาพแวดล้อมในการทำงานถือเป็นปัจจัยสำคัญในตัดสินใจเปลี่ยนงานและแนวคิดการทำงานที่ยืดหยุ่นนี้มีส่วนช่วยให้องค์กรต่างๆ มีโอกาสในการพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานและดึงดูดพนักงานที่มีความรู้ความสามารถได้

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา