เมื่อพูดถึงธุรกิจ “คอนซัลต์” หรือที่ปรึกษาธุรกิจ (business consulting) ที่เข้าไปช่วยวางแผนธุรกิจหรือการตลาดให้กับองค์กรขนาดใหญ่ หลายคนมักนึกถึงบริษัทระดับโลก Big Three ในสายงานที่ปรึกษา ได้แก่ McKinsey & Company, Boston Consulting Group (BCG) และ Bain & Company
บริษัทเหล่านี้อาจมีเครือข่ายนักวิเคราะห์ หรือผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมต่างๆ จากทั่วโลกอย่างพร้อมสรรพ เรียกว่าพร้อมเรียกใช้ทำงานได้ทันที แต่ก็ต้องแลกมาด้วย “ค่าที่ปรึกษา” ที่แพงชนิดว่าคงมีองค์กรไม่กี่แห่งที่สามารถจ่ายได้
ตรงนี้จึงกลายเป็นที่ว่างของ “บริษัทที่ปรึกษาสัญชาติไทย” ที่ชูจุดเด่นเรื่องเข้าถึงบริษัทไทยได้ดีกว่า แต่ก็ยังคงความสามารถระดับเดียวกับบริษัทที่ปรึกษาระดับโลก เพราะดึงเอาคนไทยที่เคยทำงานในบริษัทเหล่านี้มาทำงานด้วย
Bluebik Group เป็นหนึ่งในบริษัทที่ปรึกษาสัญชาติไทยที่เริ่มกิจการมาตั้งแต่ปี 2013 โดย นายพชร อารยะการกุล ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Bluebik ซึ่งก็เคยผ่านงานบริษัทที่ปรึกษาขนาดใหญ่มาแล้ว ทั้ง PriceWaterhouseCoopers (Pwc) และ Boston Consulting Group (BCG) ในระดับภูมิภาคเอเชีย
พชร เคยผ่านงานระดับ Project Leader ของ BCG ซึ่งถือเป็นตำแหน่งระดับสูง (leadership level) ตามระบบของ BCG และเคยมีประสบการณ์เข้าไปช่วยธุรกิจยักษ์ใหญ่ด้านโทรคมนาคม-ธนาคารของประเทศมาเลเซียมาก่อนแล้ว
เมื่อตัดสินใจกลับมาทำงานในประเทศไทย และก่อตั้งบริษัทที่ปรึกษาของตัวเอง Bluebik Group ก็มีผลงานเข้าไปช่วยบริษัทใหญ่ๆ ในไทยหลายแห่ง เช่น ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารเกียรตินาคิน ปตท เมืองไทยประกันชีวิต และบริษัทสายโทรคมนาคมทั้ง AIS และ dtac
ปัจจุบันบริษัท Bluebik มีพนักงานในสายงานที่ปรึกษามากกว่า 120 คน และมีส่วนแบ่งตลาด 5% หรือคิดเป็นอันดับ 6 ของบริษัทที่ปรึกษาในประเทศไทย แถมเป็นรายเดียวที่สามารถแข่งขันกับบริษัทที่ปรึกษาจากต่างประเทศได้ในภูมิภาคนี้
พชร บอกว่าตอนนี้บริษัทขนาดใหญ่ในไทยกำลังเผชิญความท้าทายจาก Digital Disruption อย่างหนัก และผู้บริโภคก็เรียกร้องให้บริษัทต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้บริษัทต่างๆ ไม่มีเวลาในการลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง เพราะการเลือกเทคโนโลยีที่ผิดทาง อาจทำให้บริษัทเสียเวลาไปหลายปี และไม่สามารถแข่งขันได้ในเวลาไม่นาน
ปัญหาอีกประการหนึ่งคือ การนำบุคลากรขององค์กรที่เชี่ยวชาญธุรกิจเดิมเป็นอย่างดี เข้ามาเรียนรู้ด้านเทคโนโลยีเพิ่มเติม อาจเป็นการบั่นทอนจุดแข็งในด้านที่ถนัด และอาจสร้างคนไม่ทันต่อความต้องการด้วยเช่นกัน
บริษัทที่ปรึกษาจึงเข้ามามีบทบาทในการช่วยให้องค์กรปรับตัวได้เร็วขึ้น โดยธุรกิจที่ปรึกษาด้านที่เติบโตสูง ย่อมเป็นที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีดิจิทัล เช่น Digital Strategy, Big Data, AI และ Agile Management
ตลาดหลักที่ Bluebik เน้นคือการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาช่วยด้านกลยุทธ์และการจัดการ สร้างวิธีการทำงานรูปใหม่ๆ มาประยุกต์ใช้งาน บวกกับบุคลากรในองค์กรที่มีพื้นฐานด้านไอทีอยู่แล้ว จึงสามารถผลักดันกลยุทธ์ด้านดิจิทัลในองค์กรของลูกค้าได้เร็วขึ้น
Bluebik ตั้งเป้าว่าจะเป็นบริษัทที่ปรึกษาสัญชาติไทยด้านกลยุทธ์ดิจิทัลและการจัดการด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี อันดับ 1 ในประเทศไทยภายในปี 2567 โดยกำหนดอัตราการเติบโตของปี 2562 ที่ 40%
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา