ถือว่าเป็นปีที่มีการทำตลาดอย่างหนักของแบรนด์ “โก๋แก่” ทำตลาดถั่วลันเตา ใช้พรีเซ็นเตอร์ แถมยังมีแผนแตกไลน์สินค้าไปยังกลุ่มอาหารเพิ่มเติม เป้ามีรายได้หมื่นล้านภายใน 10 ปี
แอคทีฟสินค้าถั่วลันเตา ใช้พรีเซ็นเตอร์สร้างการรับรู้
โก๋แก่เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ขนมที่ทำตลาดในประเทศไทยมานานกว่า 40 ปีแล้ว ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้นำในตลาดถั่วที่เป็นขนม ที่ผ่านมามีการออกสินค้าใหม่อยู่ตลอด ถึงแม้ว่าสินค้าหลักที่คนรู้จักเป็นอย่างดีจะเป็นถั่วอบกะทิ
แต่ตอนนี้โก๋แก่ได้มีทั้งถั่วพรีเมี่ยม อัลมอลล์ ถั่วลันเตา ถั่วลิสงเปลือย ซึ่งในปีนี้โปรดักส์ฮีโร่เป็นถั่วลันเตาที่ได้วางขายมาแล้ว 5 ปี ในชื่อแบรนด์ “โก๋แก่ลันเตา” แต่ไม่ได้ทำการตลาดมากนัก ในปีนี้จะปัดฝุ่นทำการตลาดมากขึ้น เพราะมองเห็นโอกาสของตลาดถั่วลันเตา
การทำการตลาดในปีนี้จึงถือว่ามีสีสันมากที่สุดในรอบ 10 ปีของโก๋แก่ มีการใช้พรีเซ็นเตอร์เพื่อสร้างการรับรู้ และยังมีสินค้าใหม่ๆ ออกมาอีกตลอดทั้งปี
โก๋แก่ลันเตาได้เลือก “เป๊ก ผลิตโชค อายนบุตร” เป็นพรีเซ็นเตอร์ ซึ่งถือว่าเป็นพรีเซ็นเตอร์คนที่ 2 ของแบรนด์ต่อจาก “อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม” ที่เป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้า “โก๋แก่แมกซ์” เมื่อปีที่แล้ว แต่ไม่ได้เป็นพรีเซ็นเตอร์แบบเต็มรูปแบบ มีเพียงแค่เอารูปมาอยู่บนซอง บิลบอร์ด ทำวิดีโอไวรัลเท่านั้น
สำหรับปีนี้ได้มีการใช้เป๊ก ผลิตโชคแบบเต็มรูปแบบ มีกิจกรรมให้แฟนคลับเข้าร่วมด้วย
กฤษดา รวยเจริญทรัพย์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงงานแม่รวย จำกัด บอกว่า
“ปีนี้เป็นการทำตลาดถั่วลันเตาเต็มรูปแบบ เพราะโก๋แก่อยู่ในตลาดมา 40 ปี เป็นเบอร์ 1 ในตลาดถั่ว แต่สิ่งที่คนไม่รู้ว่าโก๋แก่มีหลายเซ็กเมนต์ถั่ว ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมามีออกสินค้ากลุ่มถั่วในทุกประเภทแล้ว ปีนี้เห็นว่าตลาดถั่วลันเตาอบกรอบเป็นเซ็กเมนต์ที่มีการเติบโตต่อเนื่อง เลยถึงโอกาสที่ทำให้ตัวนี้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง เลยคิดว่าทำอย่างไรให้คนรู้จักเป็นวงกว้าง เป็นการใช้พรีเซ็นเตอร์แบบเต็มรูปแบบในสินค้านี้ตัวแรกเช่นกัน”
สำหรับเหตุผลที่เลือกใช้เป๊ก ผลิตโชคเป็นพรีเซ็นเตอร์นั้น เพราะมองคาแรคเตอร์ที่สนุกสนาน ร่าเริง ตรงกับคาแรคเตอร์ของโก๋แก่ เหมาะกับผู้บริโภคโก๋แก่ที่มีกลุ่มลูกค้ากว้างตั้งแต่เด็กยันแก่ ซึ่งเป๊กมีฐานแฟนคลับกว้างเหมือนกัน บุคลิกสนุกสนาน มันส์ๆ ต่อยอดอะไรสนุกๆ ได้
ตลาดไม่โต เพราะไม่มีนวัตกรรมใหม่ๆ
เมื่อดูภาพรวมของตลาดขนมมีมูลค่ารวม 35,000 ล้านบาท เติบโต 5-6% แบ่งเป็นมันฝรั่งสัดส่วน 35% โต 4-5% ขนมขึ้นรูปสัดส่วน 30% ถั่ว 13% และอื่นๆ 22%
และเมื่อดูตลาดถั่วมีมูลค่ารวม 5,000 ล้านบาท เติบโต 2-3% แบ่งเซ็กเมนต์เป็นถั่วลิสงเคลือบ 30% ถั่วเปลือย 25% ถั่วพรีเมี่ยม 25% และอื่นๆ 20% (ถั่วลันเตา ถั่วปากอ้า)
โก๋แก่ครองส่วนแบ่งตลาดรวม 45-50% ส่วนเบอร์สองเป็นทองการ์เด้นสัดส่วน 25%
จริงๆ แล้วในตลาดถั่วมีผู้เล่นหลายรายมาก ยิ่งโอกาสการทานของผู้บริโภคมากขึ้นเพราะไม่ได้ทานเป็นขนมอย่างเดียว แต่ทานเป็นกับแกล้มกับเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ได้ด้วย แต่สวนทางกับตลาดมีการเติบโตเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทั้งนี้เพราะผู้เล่นในตลาดไม่ได้มีนวัตกรรมใหม่ๆ ออกมา
โก๋แก่จึงหวังว่าการรุกตลาดอย่างหนักในปีนี้จะช่วยกระตุ้นตลาดให้มีการเติบโตมากขึ้นได้
เป้าหมื่นล้านใน 10 ปี โตปีละ 15%
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาโก๋แก่มีการเติบโตเฉลี่ย 10-12% มาโดยตลอด เพียงแต่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมามีการเติบโตแบบชะลอตัวเพราะมีกำลังการผลิตไม่เพียงพอ ในปีนี้มีการลงทุนสร้างโรงงานเพิ่มในพื้นที่เดิมเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต
ความท้าทายของโก๋แก่ในปีนี้จึงต้องติดสปีดการเติบโตให้ได้ หวังเติบโตเฉลี่ยปีละ 15% มีเป้าหมายคือ 10,000 ล้านบาทภายใน 10 ปี จากที่ปัจจุบันมีรายได้ 2,600 ล้านบาท ในปีนี้ตั้งเป้าที่ 3,000 ล้านบาท เน้นที่การออกสินค้าที่มีนวัตกรรมมากขึ้น
ในปีนี้โก๋แก่ได้เตรียมแตกไลน์สินค้าใหม่ที่นอกเหนือจากขนม หรือถั่ว แต่ยังอยู่ในธุรกิจอาหาร คาดว่าจะเปิดตัวในช่วงกลางปีนี้
สรุป
เรียกว่าเป็นปีแห่งการทรานส์ฟอร์มของโก๋แก่ที่ต้องลุกมาขยับตัวมากขึ้นเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงให้แบรนด์ จากกลยุทธ์ที่ไม่เคยทำก็ต้องทำเพื่อสร้างการรับรู้ให้มากขึ้น เพื่อให้ภาพของโก๋แก่เป็นแบรนด์ที่มีสินค้าถั่วทุกเซ็กเมนต์
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา