ตอนนี้บริษัทเทคโนโลยีเข้ามามีส่วนร่วมในโลกยานยนต์ต่อเนื่อง ทั้งการออกแบบรถยนต์ไฟฟ้า และรถยนต์ไร้คนขับ แต่เพื่อเดินหน้าเรื่องนี้เต็มที่มากขึ้น บริษัทเทคโนโลยีในจีนจึงจับมือกับค่ายรถยนต์ในประเทศตั้งบริษัทเสียเลย
Tencent ร่วมมือ GAC Group ทำรถยนต์ไร้คนขับ
เริ่มต้นที่ Tencent บริษัทอินเทอร์เน็ตที่มีบริการมากมายทั้ง WeChat, เกมออนไลน์ และอื่นๆ ตัดสินใจร่วมมือกับ GAC Group ผู้ผลิตรถยนต์จากประเทศจีนที่ถือหุ้นใหญ่โดยรัฐ จัดตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมา ทุนจดทะเบียน 1,000 ล้านหยวน (ราว 4,600 ล้านบาท) GAC ถือหุ้น 35%, Tencent ถือหุ้น 25% และที่เหลือเป็นนักลงทุนอื่นๆ
สำหรับการตั้งกิจการใหม่ของทั้งสองยักษ์ใหญ่นั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาระบบรถยนต์ไร้คนขับเป็นหลัก และเป็นการต่อยอดจากดีลความร่วมมือเมื่อปี 2560 ที่สองบริษัทได้พัฒนาระบบ Connected-Car และ Smart Driving ร่วมกัน
นอกจากนี้การตั้งกิจการใหม่ขึ้นมายังช่วยให้ GAC เข้าถึงเทคโนโลยีต่างๆ ที่ Tencent มี เช่น E-Payment และ Social Media และก่อนหน้าที่จะเกิดดีลนี้ GAC มีการสั่งซื้ออุปกรณ์โทรคมนาคมจาก Huawei และระบบสั่งการด้วยเสียงจาก iFlytec เพื่อทดลองติดตั้งในรถยนต์ของทางค่ายบ้างแล้ว
Didi Chuxing กับการร่วมกับ BAIC ของจีน
ในทางกลับกัน Didi Chuxing ผู้ให้บริการร่วมเดินทาง (Ride Hailing) จากประเทศจีนที่มีผู้ลงทะเบียนใช้งาน 550 ล้านคน และมีผู้ขับขี่ในระบบถึง 31 ล้านคน ก็ทำการตั้งกิจการใหม่ร่วมกับ BAIC ผู้ผลิตรถยนต์ที่ถือหุ้นหลักโดยรัฐจีน และอยู่ในเครือ Beijing Electric Vehicle เพื่อเดินหน้าพัฒนรถยนต์ไฟฟ้า และเทคโนโลยีอื่นๆ
เช่นระบบ Connected Car รูปแบบใหม่ๆ, การจัดการรถยนต์ที่วิ่งอยู่ในระบบ และการพัฒนา AI เป็นต้น ถือเป็นการต่อยอดจากแผนที่ต้องการรักษาสิ่งแวดล้อมของ Didi ผ่านรถยนต์ในระบบทั่วทั้งประเทศจีน ส่วนกิจการใหม่ดังกล่าวจะชื่อว่า Jingju
ขณะเดียวกันดีลดังกล่าวยังค่อนข้างเข้ากับธุรกิจของ Didi Chuxung เพราช่วยให้ผู้ขับจำนวนมากในระบบสามารถเข้าถึงการเช่าซื้อ และบริการทางการเงินจากค่ายรถยนต์ได้ดีกว่าเดิม, การประกัน, การซ่อมบำรุง, การเติมน้ำมัน และอื่นๆ นอกจากนี้ด้วยผู้ขับจำนวนมาก ยังเป็นแต้มต่อในการเจรจาดีลธุรกิจกับบริการอื่นๆ ด้วย
สรุป
คงไม่แปลกนักที่ค่ายผู้ผลิตรถยนต์จะเดินหน้าลงทุนเทคโนโลยีใหม่ๆ เต็มที่ เพราะการแข่งขันจากบริษัทเทคโนโลยีใหม่ๆ กำลังคืบคลานเข้ามา และถ้าไม่สามารถพัฒนาแข่งได้ สุดท้ายก็จบที่การร่วมมือกันพัฒนาเหมือนเช่น 2 บริษัทข้างต้น ดังนั้นคงต้องจับตาดูต่อไปว่าอุตสาหกรรมรถยนต์จะเป็นอย่างไร
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา