คนในธุรกิจบริการคงจะรู้จักคำว่า HORECA เป็นอย่างดี แต่คนนอกวงการยากที่จะรู้ว่าคำนี้คืออะไร ง่ายๆ คือ Hotel, Restaurant และ Cafe’ ซึ่งตอนนี้มูลค่าอุตสาหกรรม HORECA ในประเทศไทยนั้นพุ่งไปที่ 1 ล้านล้านบาทแล้ว และถ้าอยากมีส่วนร่วมกับอุตสาหกรรมนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ไม่ง่ายถ้าวางแผนไม่ดี
อ่านเกมให้ดี พร้อมรับลูกรัฐบาลสนับสนุน
พงษ์ศักดิ์ นันตวรรณกุล กรรมการบริหาร บริษัท เอเชีย โฮเรก้า จำกัด บอกว่า เมื่อไทยเป็นประเทศที่มีรายได้จากการท่องเที่ยวจำนวนมาก และทางภาครัฐก็สนับสนุนเรื่องนี้อย่างเต็มที่ ทำให้มีนักท่องเที่ยวกว่า 30 ล้านคนเข้ามา และสร้างเงินสะพัดกว่า 1.3 ล้านล้านบาท ซึ่งนักท่องเที่ยวเหล่านี้ต้องใช้จ่ายในอุตสาหกรรมบริการอยู่แล้ว จึงกลายเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้มูลค่าอุตสาหกรรม HORECA ขึ้นไปถึง 1 ล้านล้านบาท ดังนั้นผู้ประกอบการธุรกิจนี้จึงมองลูกค้าแค่ผู้บริโภคในประเทศไทยไม่ได้ เพราะถ้ามองแค่นั้นเท่ากับการปิดโอกาสธุรกิจตนเอง
“การเติบโตของธุรกิจ HORECA เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีมูลค่า 9.7 แสนล้านเกือบ 10% ซึ่งกลุ่มโรงแรม และร้านอาหารน่าจะรู้อยู่แล้วว่าที่เติบโตสวนทางเศรษฐกิจในประเทศที่ซบเซา เพราะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาช่วยพยุงยอดขายไว้ได้ แต่จริงๆ กลุ่มร้านกาแฟ และเบเกอรี่ ก็มีโอกาสเข้าไปเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวเช่นกัน เพราะตอนนี้ร้านกาแฟ กับเบเกอรี่ ต่างตั้งเป้าเจาะลูกค้าคนไทยมากกว่า ซึ่งสร้างรายได้เพียงระดับหนึ่ง แต่ถ้าสามารถสร้างบริการ หรือสินค้าเพื่อทำตลาดกับนักท่องเที่ยวได้ โอกาสการเติบโตของธุรกิจก็มีสูง”
Service และ Product แตกต่างช่วยได้
เมื่อเจาะไปที่กลุ่มร้านกาแฟ และเบเกอรี่ รวมถึงร้านไอศกรีม มีมูลค่าอุสาหกรรมนี้กว่า 62,000 ล้านบาท ซึ่งตัวเลขนี้มาจากร้านกาแฟถึง 48% หรือ 30,000 ล้านบาท และเป็นร้านกาแฟระดับกลาง หรือจำหน่ายกาแฟในระดับ 50 บาท/แก้ว ถึง 40% มากกว่ากาแฟระดับไฮเอนด์ที่ราคาเกือบ 100 บาท/แก้ว ที่มีสัดส่วน 30% ของตลาดกาแฟทั้งหมด ดังนั้นการแข่งขันของร้านกาแฟระดับกลางจึงค่อนข้างสูง ทำให้การสร้างสินค้า และบริการมาตอบโจทย์ตลาดล่าง หรือระดับไฮเอนด์น่าจะเป็นตัวช่วยให้ร้านกาแฟสามารถเติบโตได้มากกว่า
ขณะเดียวกัน ถึงธุรกิจโรงแรมจะมีมูลค่าตลาด 5.2 แสนล้านบาทของมูลค่า HORECA ในประเทศไทย และมีแนวโน้มเติบโตผ่านชาวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยว แต่การปรับตัวของธุรกิจนี้ยังมีอยู่เช่นกัน เพราะปัจจุบันนักท่องเที่ยวชื่นชอบการเข้าพักในรูปแบบรีสอร์ท รองโรงมาเป็นห้องโรงแรม และต้องมีบริการอื่นๆ เสริมเข้าไป เช่นสปา หรือกิจกรรมต่างๆ ซึ่งนักท่องเที่ยวยินดีที่จะจ่าย ส่วนธุรกิจร้านอาหารที่มีมูลค่า 3.8 แสนล้านบาทของมูลค่า HORECA นั้น ยังเติบโต 4 – 6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านี้
ควบคุมต้นทุนเรื่องสำคัญ
พงษ์ศักดิ์ แนะว่า ด้วยสภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แม้กลุ่ม HORECA ยังสร้างรายได้จากกลุ่มนักท่องเที่ยวได้ แต่การควบคุมเรื่องต้นทุน รวมถึงแผนการปรับปรุง หรือขยายหน้าร้านเป็นเรื่องที่ต้องวางแผนมาอย่างดี เพราะในเวลานี้การลงทุนค่อนข้างมีความเสี่ยง ที่สำคัญด้วยธุรกิจ HORECA ส่วนใหญ่เป็นเอสเอ็มอี ทำให้การทำตลาดค่อนข้างยากกว่าแบรนด์ใหญ่ที่มีสาขา และเงินทุนจำนวนมาก ดังนั้นการลงทุนในตอนนี้จำเป็นต้องวางแผนเป็นอย่างดี
ทั้งนี้ เอเชีย โฮเรก้า เตรียมเปิดศูนย์ค้าส่งสินค้าเกี่ยวกับอุตสาหกรรม HORECA ที่อาคาร CW Tower ย่านรัชดาภิเษก ภายใต้ชื่อ HORECA Square มีพื้นที่ 12,000 ตร.ม. กินพื้นที่ 3 ชั้น และปัจจุบันถูกจองพื้นที่ไป 60% แล้ว ซึ่งศูนย์นี้จะพร้อมให้บริการช่วงเดือนก.พ. 2560 ถือเป็นศูนย์ค้าส่งสินค้าเกี่ยวกับ HORECA แห่งแรกในไทย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้บริษัทเตรียมจัดงาน Expo เกี่ยวกับสินค้า HORECA และสร้างแพลตฟอร์มเชื่อมต่อร้านค้า HORECA เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจให้แก่อุตสาหกรรมนี้
สรุป
อุตสาหกรรม HORECA อยู่รอบตัวผู้บริโภคมาโดยตลอด ดังนั้นโอกาสทางธุรกิจจึงมีอยู่ แต่ด้วยสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในประเทศยังไม่ฟื้นตัว ทำให้จะพึ่งแค่นักท่องเที่ยวไม่ได้ ต้องสร้างสินค้า และบริการให้โดดเด่นกว่าผู้เล่นรายอื่น ส่วนปี 2560 ตลาดนี้จะเติบโตหรือไม่ ส่วนตัวคาดว่าเติบโตแน่นอน และจะคิดเป็นอัตรา 10% เช่นเดิม
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา