Renault และ Nissan รวมถึง Mitsubishi อาจระส่ำหนัก หลังจาก Carlos Ghosn ถูกควบคุมตัว

กลายเป็นว่าเป็นเรื่องฉาวโฉ่ส่งท้ายปีของวงการยานยนต์เมื่อ Carlos Ghosn โดนควบคุมตัวโดยหน่วยงานอัยการญี่ปุ่น เนื่องจากเจ้าตัวรายงานรายได้ไม่ตรงกับที่ได้รับ รวมไปถึงพฤติกรรมฉาวโฉ่ที่นำเงินบริษัทไปใช้ในเรื่องส่วนตัวอีกด้วย

Carlos Ghosn ที่ประเทศนอร์เวย์ในปี 2013 – ภาพโดย Norsk Elbilforening

เป็นข่าวช็อกวงการยานยนต์ส่งท้ายปี 2018 เลยทีเดียว หลังจากที่อัยการประเทศญี่ปุ่นเตรียมตั้งข้อหายักยอกเงิน 17 ล้านเหรียญสหรัฐ ให้กับ Carlos Ghosn หรือ คาร์ลอส กอส์น ซึ่งเป็น CEO ของบริษัทรถยนต์ชื่อดังอย่าง Renault และเป็นประธานของ Nissan และ Mitsubishi Motors อีกด้วย

Carlos Ghosn นั้นเป็น CEO ที่มีความสามารถและได้รับคำชื่อนชมอย่างมาก เนื่องจากเขาเป็นผู้ที่ช่วยในการฟื้นฟูกิจการของ Nissan ซึ่งสไตล์การบริหารของเขาคือ The Cost Killer ซึ่งทำให้เขาฟื้นฟูบริษัทผลิตรถยนต์จากประเทศญี่ปุ่นได้สำเร็จ และช่วย Renault ผ่านช่วงเวลาที่โหดร้ายอย่างวิกฤติการเงินปี 2008 มาแล้ว

นอกจากนี้เขายังเตรียมจับมือเป็นพันธมิตรกับ Uber และ Alibaba รวมไปถึง Google และ Amazon เพื่อที่จะนำเทคโนโลยีจากบริษัทเหล่านี้มาใช้ เนื่องจากแรงกดดันที่รถยนต์ไร้คนขับรวมไปถึงกระแสรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังมาแรงมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา

น้ำลดตอผุด

การตรวจสอบของผู้ที่เกี่ยวข้องภายในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาของ Nissan พบว่า Carlos Ghosn และ Greg Kelly ซึ่งเป็นมือขวาของ Ghosn ได้แจ้งรายได้ของตัวเองต่ำกว่าที่รายงานกับสรรพากรไว้ นอกจากนี้ยังมีรายงานอีกว่า เขาได้ใช้เงินของทั้ง 3 บริษัทมาใช้ส่วนตัวอีกด้วยมูลค่าประมาณ 17 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งการกระทำดังกล่าวผิดกฏหมายด้านทางการเงินของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเขาเองได้ถูกควบคุมตัวที่สนามบิน Haneda เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา

ไม่ใช่แค่นั้น NHK ยังรายงานว่า Nissan ต้องจ่ายเงินก้อนใหญ่เพื่อที่จะซื้อบ้านหรูให้กับ Carlos Ghosn ใน 4 เมืองทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น Rio de Janeiro และ Beirut รวมไปถึง Paris และ Amsterdam อีกด้วย ยังรวมไปถึงเจ้าตัวยังจ่ายเงินให้ผู้บริหารของ Nissan ไม่ตรงกับความเป็นจริง ซึ่งจ่ายจริงๆ แค่ 9 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ในการประชุมผู้ถือหุ้นนั้นมีการอนุมัติเม็ดเงินก้อนนี้ 27 ล้านเหรียญสหรัฐ

Carlos Ghosn ภาพจาก Nissan

หุ้นตกรับข่าว

ราคาหุ้นของ Renault ตกหนักที่สุด และทำจุดต่ำสุดในรอบปีนี้ โดยราคาอยู่ต่ำกว่า 60 ยูโรต่อหุ้น ไม่ใช่แค่นั้นหุ้นของ Nissan Motor ก็ตกตามไปด้วยเช่นกัน เนื่องจาก Nissan ถือหุ้นอยู่ใน Renault ประมาณ 15% นอกจากนี้ Credit Default Swap ของ Nissan ที่นักลงทุนซื้อไว้เพื่อปกป้องความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัท ยังพุ่งขึ้นสูงสุด ในรอบ 2 ปี อยู่ที่ 0.6% 

ซ้ำร้ายไปกว่านั้น หลังจากมีข่าวถูกควบคุมตัวของ Carlos Ghosn ทำให้มูลค่าตลาดของหุ้นบริษัทผลิตรถยนต์ทั้ง 3 ยี่ห้อ หายไปแล้วไม่ต่ำกว่า 147,000 ล้านบาท

อนาคตที่คลุมเครือกว่าเดิม

การจับกุมตัวครั้งนี้ทำให้นักวิเคราะห์มองว่าความสัมพันธ์ของ Renault และ Nissan อาจย่ำแย่ลงอย่างสูงในกรณีนี้  ซึ่งแผนการของ Carlos Ghosn คือการสร้างพันธมิตรผลิตรถยนต์ซึ่งจะทำให้กลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของโลกทันที ถึงแม้ว่าล่าสุด CEO ของ Nissan อย่าง Hiroto Saikawa จะยืนยันว่าเรื่องนี้จะไม่ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้ง 2 บริษัทลดลง และกำลังมีการหาทางออกจากเรื่องนี้อีกด้วย

อีกรายที่จับตามองเรื่องนี้คือรัฐบาลฝรั่งเศส ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ Renault กำลังจับตามองเรื่องนี้อย่างไม่คลาดสายตา เนื่องจากเรื่องนี้เกี่ยวพันกับความสัมพันธ์ของบริษัทผลิตรถยนต์ 2 เจ้าอย่าง Nissan และ Mitsubishi เนื่องจาก Renault ได้จ้างพนักงานกว่า 48,000 ตำแหน่ง ซึ่งเกี่ยวข้องกับการผลิตรถยนต์ของทั้ง 3 ยี่ห้อ

เตรียมปรับลดความน่าเชื่อถือ

บริษัทที่เตรียมตกเป็นเหยื่อของการปรับลดความน่าเชื่อถือคือ Nissan โดยก่อนหน้านี้ทาง S&P ได้ให้เรตติ้งระยะยาวของบริษัทอยู่ที่ A ซึ่งหลังจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอาจส่งผลให้บริษัทมีความเสี่ยงที่จะโดนปรับลดความน่าเชื่อถือลงมา ซึ่งทำให้ต้นทุนการกู้ยืมและระดมทุนสูงขึ้นกว่าเดิมด้วย เนื่องจากภาพลักษณ์องค์กร รวมไปถึงกำไรบริษัทที่อาจมีความเสี่ยงจากเรื่องนี้

ไม่ใช่คนแรกและคนสุดท้าย

กรณีของ Carlos Ghosn ไม่ใช่กรณีแรกๆ ที่เกิดขึ้น โดย CEO ชื่อดังของหลายๆ อุตสาหกรรมตกม้าตายมาแล้วเนื่องจากการทุจริตนำเงินบริษัทไปใช้ส่วนตัว ยกตัวอย่างเช่น

  • Martin Sorrell ของ WPP บริษัทโฆษณาชั้นนำของโลก กรณีที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาคือ นำเงินบริษัทมาใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง สุดท้ายต้องลาออกไป
  • L. Dennis Kozlowski ซึ่งเป็น CEO ของ Tyco International โดนจับในปี 2005 เนื่องจากนำเงินบริษัทมาใช้อย่างไม่ถูกต้อง โดยส่วนหนึ่งนำไปซื้อเพนต์เฮ้าส์หรูในกรุงนิวยอร์ก

สำหรับเรื่องนี้ท้ายที่สุดแล้วกรณีของ Carlos Ghosn อาจทำให้ทั้ง 3 บริษัทต้องรีบแก้ปัญหาหลังจากที่หัวเรือใหญ่มีเรื่องฉาวโฉ่ระดับโลก และแน่นอนว่าเกี่ยวพันไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เนื่องจาก Carlos Ghosn ถือว่าเป็นผู้ที่เชื่อมสายสัมพันธ์อันดีระหว่างอุตสาหกรรมรถยนต์ของฝรั่งเศสและญี่ปุ่น

เรื่องที่น่าสนใจอีกเรื่องในกรณีนี้คือประเด็นของ “ธรรมาภิบาล” ของบริษัท ซึ่ง Nissan นั้นมีกรรมการอิสระน้อยกว่าที่ควรจึงทำให้เกิดปัญหานี้ขึ้นมา รวมไปถึง Renault ที่รัฐมนตรีกระทรวงการคลังได้กล่าวว่าเตรียมตั้งคณะกรรมการพิเศษขึ้นมาเพื่อกรณีนี้ด้วย

อย่างไรก็แล้วแต่เรื่องนี้กลายเป็นว่าได้ไม่คุ้มเสียด้วยซ้ำ และแน่นอนว่าเรื่องของ Carlos Ghosn ที่นำเงินของ 3 บริษัทไปใช้ยังขุดออกมาได้อีก เพราะแค่ไม่กี่วันก็มีรายงานของสื่อต่างประเทศรายงานเกี่ยวกับการทุจริตหลายกรณีแล้ว

ที่มาNHK, Nikkei Asian Review,Washington Post, Bloomberg  [1], [2], [3], [4], [5]

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

mm
Content Writer ที่สนใจในเรื่องของตลาดทุนทั้งในและต่างประเทศ กลุ่ม TMT (Technology, Media, Telecom) การควบรวมกิจการ (M&A) นโยบายทางเศรษฐกิจของไทยและต่างประเทศ รวมถึงสิ่งละอันพันละน้อยทางธุรกิจที่น่าสนใจ