ภาวะโลกทั้งสงครามการค้า เศรษฐกิจจีนชะลอตัว ส่งผลกระทบให้ตลาด Hang Seng Index (HSI) ในวันอังคาร 11 ก.ย. 2561 เข้าสู่ตลาดหมี (ตลาดหุ้นขาลง) สิ้นวันตลาดหุ้นปิดต่ำกว่า 20% จากจุดสูงสุดเดือนม.ค. 2561
ตลาดหุ้นฮ่องกงเป็นตลาดที่มีการเทรดอันดับต้นๆ ของโลก แต่เมื่อวันอังคารตลาดหุ้นเข้าสู่ขาลง เพราะรับผลกระทบจาก ข่าวว่าสหรัฐ หรือ Donald Trump ประธานาธิบดีสหรัฐ ขู่จะขึ้นภาษีการนำเข้าสินค้าจีนอีกครั้ง เรื่องนี้เลยส่งผลกระทบต่อบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ที่มีฐานการผลิตในจีน
ทั่วโลกจับตา ตลาดหุ้นฮ่องกงขาลง รับผลพ่วงเศรษฐกิจจีนชะงัก
Dickie Wong ผู้อำนวยการศูนย์วิจัย Kingston Securities คาดการณ์ว่า ในระยะสั้นตลาดหุ้นฮ่องกงอาจจะตกลงอีก 5% จากความตึงเครีนดสงครามการค้า ภาวะเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว ซึ่งมองว่สความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีนน่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นฮ่องกงไปจนถึงช่วงการเลือกตั้ง midterm ของสหรัฐในเดือนพ.ย. 2561 นี้
ขณะเดียวกันตลาดหุ้นในจีนแผ่นดินใหญ่ เข้าสู่ภาวะตลาดหมีตั้งแต่ปลายเดือนมิ.ย. 2561 ที่ผ่านมา และตกลง 6% ตั้งแต่บัดนั้น และกระทบไปถึงค่าเงินหยวนที่อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา กระทบถึงนักลงทุนจีนที่ถือเงินหยวน ซื้อหุ้นฮ่องกงแพงขึ้น เพราะเขาต้องซื้อเป็นเงินดอลลาร์ฮ่องกง
Tencent สะเทือนสูญเสียกว่า 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
ล่าสุดหุ้นในฮ่องกง โดยเฉพาะ Tencent (TCEHY) บิ๊กใหญ่วงการอินเตอร์เน็ต สูญเสียมูลค่าตลาด (market value) กว่า 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ตั้งแต่เดือนม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งลดลงเพราะความกังวลว่ารัฐบาลจีนจะเข้มงวดเรื่องข้อกำหนดเกมออนไลน์มากขึ้น
Tencent ถือเป็นหนึ่งในกลุ่มหุ้นใหญ่ของ Hang Seng ซึ่งราคาที่ตกลงอาจจะทำให้ดัชนีราคาหุ้นในตลาดก็ลดลงด้วย นักลงทุนเลยมองผลกระทบไปถึงหุ้นตัวอื่นๆ เช่น HSBC (HBCYF)
หลังจากวิกฤตตุรกีและอาร์เจนตินา ทำให้นักลงทุนมีความกังวล จนดึงเงินลงทุนออกจาก Emerging markets อื่นๆ ไปด้วย และส่งผลกระทบต่อหุ้นจีนที่จดทะเบียนในฮ่องกง อย่างไรก็ตามจีนถือเป็น Emerging markets ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ที่มา CNNmoney
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา