อุตสาหกรรมการเงิน “สิงคโปร์” ในวันที่เปลี่ยนไป

เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมและทีมงาน SuperTrader ได้เดินทางไปยังประเทศสิงคโปร์ เพื่อที่จะดำเนินการเปิดบริษัท StockQuadrant PTE. LTD (Fintech สาย Retail Investment) ให้เสร็จสิ้นรวมถึงพบปะพูดคุยกับผู้บริหารของ OCBC Securities บริษัทหลักทรัพย์ภายใต้ OCBC Bank ธนาคารใหญ่อันดับสองของสิงคโปร์ และผู้จัดการกองทุนจาก Bank Of Singapore (แบงก์พาณิชย์ภายใต้ OCBC Bank นะครับไม่ใช่แบงก์ชาติของเขา)

การไปเยือนสิงคโปร์ครั้งแรกในรอบ 7 ปีของผมครั้งนี้ ทำให้ได้อัพเดตสถานการณ์ของอุตสาหกรรมการเงินของเขาที่เปลี่ยนไปค่อนข้างมาก โดยเฉพาะความ “เคร่งครัด” ในการเปิดบัญชีธนาคารที่เข้มงวดขึ้น

singapore-money-3

ก่อนหน้านั้น คนที่มีเงินในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มักจะไปเปิดบัญชีธนาคารที่ประเทศสิงคโปร์ เพราะด้วยความที่เป็นศูนย์กลางทางการเงิน โอกาสที่จะฝากเงินและนำออกไปไหนมาไหนสามารถทำได้โดยง่าย (ทั้งสุจริตและทุจริต) แต่ปัจจุบันทางการสิงคโปร์ หันมาคุมเข้มอย่างหนัก เพราะที่ผ่านมาถูกใช้เป็น “ทางผ่าน” ของเงินที่ไม่สุจริตมากเกินไป เช่น เคสของ Panama Papers โดยเฉพาะกรณีของกองทุน 1MDB ที่สิงคโปร์ถูกใช้เป็นทางผ่านด้วยเช่นกัน ทำให้การตรวจสอบมีความเข้มงวดขึ้น

นอกจากนี้ ทางผู้จัดการกองทุน Bank Of Singapore ยังเล่าให้ฟังว่า ภายในปี 2018 สถาบันการเงินทั่วโลกจะต้องใช้กฎหมายใหม่ร่วมกันในการเปิดเผยข้อมูลการทำธุรกรรมการเงินระหว่างประเทศหรือ AEOI นั่นแปลว่าการทำธุรกรรมอำพรางจะทำได้ยากขึ้น

แม้กฎหมายใหม่นี้จะมีผลต่อประเทศที่เคยได้ชื่อว่าเสรีทางด้านการเงินอื่นๆอย่างฮ่องกง สวิตเซอร์แลนด์ อังกฤษ ไซปรัส รวมถึงพวกหมู่เกาะต่างๆในแคริเบี้ยน ที่ได้ชื่อว่าเป็น Tax Haven แต่สิงคโปร์ที่มีจุดเด่นในเรื่องของภาคการธนาคาร คงได้รับผลกระทบจากกฎหมายใหม่นี้ไม่มากก็น้อย

singapore-money-4

คุณ Seaw ซึ่งเป็นผู้จัดการกองทุน Bank Of Singapore ยังบอกอีกด้วยว่าสิงคโปร์อาจไม่ใช่แหล่งสำหรับการตั้งกองทุนต่างๆ ไม่ว่าจะกองทุนส่วนบุคคลหรือเฮดจ์ฟันด์ เพราะค่าใช้จ่ายในการจัดตั้ง เช่นการจ้างบุคลากร ออฟฟิศ การดำเนินการด้านภาษี ฯลฯ เพิ่มขึ้นสูงมาก ถ้ากองทุนที่มาตั้งขนาดเล็กกว่า 2 ล้านเหรียญสหรัฐ ค่าใช้จ่ายที่เข้ามาอาจไม่คุ้มที่จะทำ ปีที่ผ่านมาเฮดจ์ฟันด์หลายกองก็ได้ปิดตัวไป

มาถึงการพูดคุยกับผู้บริหารของ OCBC Securities ทำให้ผมได้เห็นมุมมองใหม่ๆ ของตลาดหุ้นสิงคโปร์ ที่เคยเป็นตลาดที่มีมูลค่าซื้อขายอันดับหนึ่งของอาเซียน แต่ความจริงคือได้ถูกตลาดหุ้นไทยแซงหน้าไปพักใหญ่แล้ว (ฟังไม่ผิดหรอกครับ เป็นเรื่องจริง) โดยมีมูลค่าซื้อขายต่อวันประมาณ 1,300 ล้านเหรียญ มากกว่าสิงคโปรฺและมาเลเซีย ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากมูลค่าซื้อขายของนักลงทุนรายย่อยที่ค่อนข้างสูง ตามสถิติแล้ว นักลงทุนรายย่อยไทยมีสัดส่วนการเทรดต่อวันอยู่ที่ 50% ของมูลค่าซื้อขาย พอๆ กับนักลงทุนสถาบันทั้งไทยและเทศ (ส่วนตัวค่อนข้างแปลกใจเพราะจำนวนนักลงทุนรายย่อยของเราที่เปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์มีเพียงแค่ 2 แสนบัญชี ) ขณะที่ตลาดหุ้นมาเลเซียและสิงคโปร์ นักลงทุนสถาบันมีบทบาทมากกว่า

singapore-money-2

ตลาดหุ้นที่มีสัดส่วนนักลงทุนรายย่อยจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นไทยหรือตลาดหุ้นจีน สิ่งที่ตามมาคือความผันผวนหรือแรงเหวี่ยงที่ค่อนข้างสูง (รู้ๆ กันว่ารายย่อยไทยชอบซื้อๆขายๆ นิสัยออกไปทางนักพนัน) มูลค่าซื้อขายถึงสูงตามไปด้วย นี่เป็นสาเหตุที่โบรกเกอร์ต่างชาติ อยากจะเข้ามาเล่นในตลาดหุ้นไทยบ้าง

ทาง OCBC Securities ก็เช่นกัน พวกเขามองว่านักลงทุนไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพและต้องการจะเจาะเข้าหา เพราะนักลงทุนสิงคโปร์ไม่ค่อยที่จะซื้อขายบ่อยนัก มักจะซื้อหุ้นดีๆ อย่าง Singtel, Capital Land รวมถึงหุ้นเบียร์ช้างของเรา แล้วถือยาวๆ มากกว่า

บริษัทสัญชาติสิงคโปร์เองก็ไม่มีอะไรที่น่าตื่นเต้นนัก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะธุรกิจของพวกเขามักจะมีฐานอยู่ในต่างประเทศ การที่เศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลกมีผลทำให้ผลประกอบการของพวกเขาไม่ค่อยเติบโตด้วยเช่นกัน แม้แต่คนของ OCBC Securities ยังเชียร์ให้เล่นหุ้นประเทศอื่นมากกว่า

singapore-money-1

แต่ใช่ว่าอุตสาหกรรมการเงินของสิงคโปร์จะหมดความขลังไป เพราะรัฐบาลสิงคโปร์นำโดย MAS (Monetary Authorities of Singapore) ได้มีความพยายามส่งเสริมเรื่องของ Fintech อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเปิด Sandbox ให้ทดสอบบริการการเงินใหม่ๆ ได้ทันทีโดยไม่ต้องขออนุญาต รวมถึงสนับสนุนให้ Venture Capital ต่างชาติเข้ามาหาผู้ประกอบการ Fintech ได้อย่างสะดวก รวมถึงการเปิดทางให้ผู้ประกอบการหน้าใหม่ที่มาจากต่างชาติจัดตั้งบริษัทได้ (StockQuadrant PTE.LTD ก็ได้เปิดบริษัทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โปรดติดตามความคืบหน้าเร็วๆนี้)

โลกการเงินเปลี่ยนแปลงรวดเร็วครับ แม้แต่ชาติที่เคยเป็น Financial Hub อย่างสิงคโปร์ยังต้องปรับตัว ได้แต่หวังว่าประเทศไทยจะใช้โอกาสที่อุตสาหกรรมการเงินกำลัง Transform ตัวเองครั้งใหญ่ ปรับเปลี่ยนตัวเองให้ก้าวทันชาวโลกเขาเสียที เพราะต้องยอมรับว่ากฎหมายด้านการเงินของไทยหลายฉบับยังล้าหลัง และเราจะได้เห็น Fintech สัญชาติไทยได้แจ้งเกิดในระดับโลกกันครับ

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

อดีตนักข่าวสายการเงินและตลาดหุ้นประจำสื่อยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง สนใจเรื่องทฤษฎีสมคบคิดในโลกการเงินเป็นพิเศษ ปัจจุบันเป็น Head Creative ที่ Super Trader และ COO ที่ Stock Quadrant ฟินเทคด้านการวิเคราะห์หุ้น มีอะไรคุยกันได้ที่เพจ Monkey Money และ @Nares_SPT