Unilever ได้ประกาศลงนามในข้อตกลงการเป็นพาร์ทเนอร์ในส่วนของโลจิสติกส์กับ JD.com เบอร์ 2 ตลาดอีคอมเมิร์ซในจีน ในการกระจายสินค้าเข้าสู่ประเทศจีนมากขึ้น
จากข้อตกลงดังกล่าวจะทำให้ได้เห็นแบรนด์ในเครือของ Unilever เช่น Lipton, Vaseline, Clear, Lux และ OMO ใช้เครือข่ายของ JD.com ในการกระจายสินค้าจากคลังสินค้า เข้าสู่ร้านค้าปลีกต่างๆ
ซึ่งก่อนหน้าที่จะตกลงปลงใจกับทาง JD.com นั้น Unilever ได้ทำงานร่วมกับบริษัทโลจิสติกส์เจ้าอื่นอย่าง DHL ในการกระจายสินค้าในประเทศจีนโดยเฉพาะ
แต่การทำตลาดใปนระทเศจีนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นตลาดที่มีความท้าทาย และหินมากๆ จำเป็นต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญในประเทศ รู้จักคนในประเทศ
นอกจากทาง Unilever จะได้คู่ค้าสำคัญที่จะช่วยในการทำตลาดในประเทศได้ง่ายขึ้นแล้วนั้น ทางฝั่งของ JD.com ก็เป็นการนำร่องกลยุทธ์ Retail as A Service (RaaS) หรือเป็นการขยายบริการด้านเทคโนโลยี และ Infrastructure ที่ตนเองถนัดให้แก่บริษัทอื่นๆ นอกเหนือจากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของตัวเอง
ดีลนี้จะช่วยทำให้ Unilever ได้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์ทางด้านธุรกิจออนไลน์ของ JD.com มาสู่การขายช่องทางออฟไลน์ และที่สำคัญคือ JD.com เป็นเหมือนไกด์ที่จะช่วยแชร์เทคนิคการทำตลาดระดับโลคอลให้แก่ Unilever ได้ เพราะตลาดประเทศจีนจำเป็นต้องใช้การตลาดแบบโลคอลจริงๆ ต้องมีคนที่เข้าใจตลาดจริงๆ
อย่างเมื่อปีก่อนก็มีดีลทำนองเดียวกันนี้ระหว่าง JD.com กับ Danone ประเทศฝรั่งเศส และได้ทำงานร่วมกับ Oldenburger บริษัทนมจากประเทศเยอรมนี ในการจัดการคลังสินค้า การขนส่ง และการจัดการด้านซอฟต์แวร์ต่างๆ
Rohit Jawa รองประธานอาวุโส Unilever North Asia ได้บอกว่า หลังจากที่ได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับ JD ในฐานะพาร์ทเนอร์ ทำให้เข้าใจในเรื่องเครือข่ายด้านระบบโลจิสติกส์ของที่นี่ การร่วมมือกันครั้งนี้จะช่วยให้สินค้าของ Unilever เข้าถึงแหล่งชุมชนที่เข้าถึงได้ยากในประเทศจีนได้อย่างรวดเร็ว และปลอดภัยยิ่งขึ้น
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา