หลังยอดขายในสหรัฐอเมริกาหดตัว ทั้งนโยบาย Make America Great Again ของ Donald Trump เล่นเอาค่ายมอเตอร์ไซค์เก่าแก่ Harley-Davidson เหนื่อยหนัก และต้องรีบย้ายฐานการผลิตออกให้เร็วที่สุด
ชะลอตลาดสหรัฐฯ หันบุกเอเชีย
ปัจจุบันตลาดรถมอเตอร์ไซค์ในสหรัฐอเมริกานั้นเริ่มชะลอตัว ทำให้ยอดขายของ Harley-Davidson ในพื้นที่นั้นลดลงเรื่อยๆ ประกอบกับมาตรการทางภาษีที่ Donald Trump ต้องการให้ใช้วัสดุภายในประเทศ ทำให้การนำเข้าเหล็กจากกลุ่มยุโรปนั้นถูกเพิ่มภาษีขึ้นมาก เล่นเอาค่ายรถที่นั่นต้องวางแผนกันใหม่เลยทีเดียว
นอกจากนี้เพื่อแก้เผ็ดสหรัฐฯ ยุโรปจึงส่งมาตรการเพิ่มภาษีในการนำเข้ารถยนต์จากแดนมะกัน จึงไม่แปลกที่ Harley-Davidson เริ่มวางแผนในการเอาตัวรอดจากวิกฤติครั้งนี้ และสุดท้ายก็คือการย้ายฐานการผลิตออกจากสหรัฐฯ แถมยอมทิ้งตลาดหลักอย่างสหรัฐฯ ที่มียอดขาย 60% จากทั้งหมด มาบุกตลาดเอเชียแทน
สำหรับการบุกตลาดเอเชียนั้น Harley-Davidson ได้ตั้งโรงงานในประเทศอินเดียแล้ว รวมถึงเตรียมเปิดโรงงานในประเทศไทยภายในสิ้นปี 2561 ด้วย ขณะเดียวกันยังเตรียมขึ้นไลน์ผลิตรถมอเตอร์ไซค์ที่มีเครื่องยนต์ขนาด 250-500 ซีซี เพื่อเจาะตลาดเอเชียโดยเฉพาะ เนื่องจากผู้บริโภคที่นี่ชื่นชอบมอเตอร์ไซค์ที่ใช้เครื่องยนต์ขนาดดังกล่าว
และเพื่อสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น บริษัทก็เตรียมเปิดร้านเสื้อผ้าตามเมืองใหญ่ต่างๆ ทั่วโลกเพิ่มเติม รวมถึงเพื่อเกาะกระแสรถยนต์ไฟฟ้าก็เตรียมทำตลาดมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่พร้อมจำหน่ายในตลาดสหรัฐฯ กับบางประเทศช่วงปี 2562 และจะเริ่มทำตลาดในเอเชียปี 2565
ทั้งนี้ในการขยายฐานการผลิตออกไปในต่างประเทศ และสร้างเครือข่ายการจำหน่ายในกลุ่มประเทศเอเชียจนถึงปี 2565 Harley-Davidson ได้ใช้งบประมาณราว 225-275 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 7,500-9,200 ล้านบาท) และมีการเจรจากับผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์ในแต่ละท้องถิ่นเพื่อหาข้อมูลในการทำตลาดด้วย
สรุป
เรียกว่าเป็นวิกฤติของค่ายมอเตอร์ไซค์สหรัฐฯ ก็ไม่ผิดนัก แต่การตัดสินใจย้ายฐานการผลิตออกมาก็น่าจะเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เพราะถ้าอยู่ที่นั่นนอกจากเจอมาตรการภาษีที่หนักเอาการ ยังส่งออกไปจำหน่ายในอีกตลาดหลักอย่างยุโรปได้ลำบาก ดังนั้นการหันมาบุกตลาดเอเชียก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ส่วนใครที่อยากจับจองรถมอเตอร์ไซค์ของค่ายนี้ก็ต้องยิ้มกริ่มๆ แน่ๆ เพราะเชื่อว่าราคาของแต่ละรุ่นที่ผลิตในไทยน่าจะลดลง 30-40% เลยทีเดียว
อ้างอิง // Asian Nikkei Review
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา