ถึงปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้าแบบเซลล์พลังงาน หรือ Fuel Cell (FCEV) จะไม่ได้อยู่ในกระแสหลักของรถยนต์พลังงานสะอาด แต่ Toyota ก็ยังยืนยันที่จะพัฒนาเรื่องนี้ต่อไป และเตรียมขึ้นไลน์ผลิตระดับ Mass Production
ตั้งมั่นทำตลาด Fuel Cell ทุกประเภทรถยนต์
อย่างที่รู้กันว่า Toyota คือผู้ทำตลาดรถยนต์พลังงานสะอาดเป็นแบรนด์แรกๆ เพราะส่ง Prius รถเครื่องยนต์ Hybrid มาตั้งแต่ปี 2540 และประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ผ่านยอดจำหน่ายที่ทะลุ 10 ล้านคันไปแล้ว แต่พอผู้ผลิตรายนี้อยากจะทำตลาดรถยนต์ที่ปราศจากเครื่องยนต์สันดาปภายในมันกลับไม่โด่งดังตามที่หวังไว้
เพราะทางแบรนด์เลือกติดตั้งเซลล์พลังงาน หรือ Fuel Cell ไว้ในรถยนต์ แทนที่จะติดตั้งแบตเตอรี่ลูกใหญ่ในการสร้างรถยนต์ไฟฟ้า 100% ตามที่กระแสโลกไปกัน จึงไม่แปลกที่พอ Mirai รถยนต์รุ่นแรกของ Toyota ที่ติดตั้งเทคโนโลยี Fuel Cell เข้าไป และขายตั้งแต่ปี 2557 ถึงตอนนี้มียอดขายเพียง 6,000 คันทั่วโลก
โดยปัจจัยที่ทำให้ยอดขายไม่ได้ก็มีทั้งกำลังผลิตที่น้อย ทำให้ราคารถยนต์ค่อนข้างสูง และตัวสถานีบริการเติมไฮโดรเจนที่เป็นเชื้อเพลิงหลักของรถยนต์ไฟฟ้าแบบ Fuel Cell นั้นก็มีไม่มาก มันก็ยิ่งไม่สะดวก แม้ตัว Mirai จะวิ่งได้ไกล 500 กม. ในการเติมเชื้อเพลิงเต็มถังก็ตาม
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น Toyota ก็ยังยึดมั่นที่จะทำตลาด Fuel Cell ต่อไป ด้วยการขยายกำลังผลิตรถยนต์ประเภทนี้ เพื่อใช้หลัก Economy of Scale ในการทำให้ต้นทุนวัสดุในการผลิตนั้นถูกลง โดยเฉพาะกับแพลตินัมที่เป็นหนึ่งในวัสดุหลักของการผลิตรถยนต์ประเภทนี้ ที่สำคัญยังเตรียมติดตั้งเทคโนโลยีนี้ในรถ SUV, รถบัส และรถบรรทุกด้วย
ขณะเดียวกัน Toyota ก็เตรียมเปิดตัว Mirai รุ่นที่สองภายในต้นปี 2563 โดยจะทำให้ระยะการวิ่งนั้นทำได้มากกว่า 740 กม. กับการเติมเชื้อเพลิงเต็มถัง และมีราคาที่ถูกกว่าเดิมที่อยู่เกือบ 60,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2 ล้านบาท) ซึ่งไม่จูงใจให้ผู้บริโภคเปลี่ยนมาใช้รถยนต์พลังงานสะอาดแบบนี้
สรุป
ถือเป็นการเดิมพันอีกครั้งของ Toyota ที่ต้องการทำตลาด Fuel Cell ให้เกิดให้ได้ และยังมีแผนพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าแบบนี้ให้วิ่งได้ไกล 965 กม. ในการเติมเชื้อเพลิงไฮโดรเจนเต็มถังอีกด้วย แต่ถ้า Toyota พยายามเรื่องนี้คนเดียวมันก็คงเป็นไปได้ยาก เพราะมันไม่ได้มีแค่รถยนต์ แต่หมายถึงสถานีเติมเชื้อเพลิง และรถยนต์ค่ายอื่นๆ ต้องมาช่วยกันขับเคลื่อนเรื่องนี้ด้วย
อ้างอิง // Digital Trends
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา