ผลกระทบเรื่องสงครามการค้ากำลังทำให้บริษัทเอกชนในสหรัฐเริ่มได้รับความเดือดร้อนถ้วนหน้า เนื่องจากค่าใช้จ่ายสูงขึ้น ทำให้กระทบกับกำไรบริษัทในไตรมาสนี้บ้างแล้ว
ผู้บริหารบริษัทใหญ่ๆ ของสหรัฐอเมริกาเริ่มให้ความเห็นในเรื่องค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากสงครามการค้าในรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผลกระทบกว้างกว่าที่คิดไว้มาก และขั้นย่ำแย่กว่าคือค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในการใช้ Supply Chain รายใหม่เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากภาษีที่เพิ่มขึ้น
ผู้ผลิตรถยนต์อย่าง Ford ประมาณค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากสงครามการค้าในปีนี้ว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 500-600 ล้านเหรียญสหรัฐ แม้แต่ผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์อย่าง Harley-Davidson ที่เคยมีเรื่องกับทรัมป์ในการย้ายฐานการผลิตมาที่ประเทศไทยเนื่องจาก EU จะขึ้นภาษีนำเข้ามอเตอร์ไซค์จากสหรัฐ ก็ประมาณผลกระทบจากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น 45-55 ล้านเหรียญสหรัฐ
ทางด้าน GE และ 3M ได้รายงานกับนักลงทุนว่าถ้าหากเรื่องสงครามการค้าย่ำแย่หนักก็อาจต้องใช้วิธีเปลี่ยน Supplier รายใหม่ที่ไม่ทำให้บริษัทได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ด้วย
เริ่มมีเสียงวิจารณ์
บริษัทเอกชนสหรัฐส่วนใหญ่ชื่นชอบนโยบายของทรัมป์ในเรื่องการลดภาษีบริษัทเอกชน แต่ในเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างสงครามการค้ากับจีนทำให้ John Flannery ซึ่งเป็น CEO ของ GE ต้องถึงกับออกมาบอกในเรื่องนี้ว่า GE เป็นบริษัทสร้างมาเพื่อการค้าที่เปิดกว้างและยุติธรรม
Brian Goldner ซึ่งเป็น CEO ของผู้ผลิตของเล่นอย่าง Hasbro ได้ออกมากล่าวเรื่องนี้ว่า นี่คือผลกระทบของสงครามการค้าว่ามันย่ำแย่แค่ไหน
ผู้บริโภครับกรรม
ผู้ผลิตน้ำอัดลมอย่าง Coca Cola ได้รายงานถึงค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากวัตถุดิบทำกระป๋องโค๊กที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากสงครามการค้า นอกจากนั้นยังรวมไปถึงค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้นอีก ซึ่งทำให้บริษัทต้องขึ้นราคาสินค้าเล็กน้อย
ไม่เว้นแม้แต่ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่าง Whirlpool ก็ยังรายงานในงบไตรมาส 2 ว่าได้รับผลกระทบจากราคาเหล็กและอลูมิเนียมที่เพิ่มขึ้นจากการขึ้นภาษีตามนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ จนต้องทำให้บริษัทต้องขึ้นราคา
ที่มา – Financial Times
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา