หลังจากทั่วโลกเห็นว่าสหรัฐฯและจีน ตั้งกำแพงภาษีการนำเข้า ตอบโต้กันไปมา แน่นอนว่าประเทศสหรัฐฯ ประเทศจีน ยุโรป และประเทศใหญ่ๆ ในโลกก็ได้รับผลกระทบไปหมด แต่ประเทศไทยเรา จะได้รับผลกระทบไหม? จากอะไรบ้าง
Trade War กระทบไทยไม่มาก แต่เป็นความเสี่ยงตลอดปี 61
ดร.กำพล อดิเรกสมบัติ ผู้อำวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. กสิกรไทย บอกว่า สงครามการค้า หรือ Trade War มีการตั้งกำแพงภาษีการนำเข้า ระหว่างสหรัฐฯ และหลายประเทศโดยเฉพาะจีน ซึ่งได้รับส่งผลกระทบโดยตรง โดยการตั้งภาษีของสหรัฐสามารถแบ่งเป็น 3 แบบ ได้แก่
- ในรอบแรก ทางสหรัฐฯ ตั้งกำแพงภาษีนำเข้ากับจีนมีผลในวันที่ 6 ก.ค.นี้ มีมูลค่ารวม 3.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งภาษีก้อนนี้กระทบต่อประเทศไทยไม่มากนักเนื่
องจาก เรายังเป็น supply chain ของจีน แต่ถ้าจะมีผลกระทบจะเกิดขึ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ - ส่วนเดือน ก.ค. นี้ในสหรัฐฯ มีการตัดสินว่าจะจัดเก็บภาษีจากจีนอีก 1.6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐเมื่อไร ซึ่งแม้ว่า
เม็ดเงินจะน้อยกว่า แต่ส่งผลกระทบต่ อไทยในส่วนแผงวงจรรวม (Integrated Circuit: IC) ที่สัดส่วนการส่งออกไปจีน 0.5% ของการส่งออกทั้งหมดในไทย - ในขณะที่ทั้งตลาดจับตามองภาษีที่สหรัฐฯจะตั้งกับจีนอีก 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ แต่เรามองว่าจะส่งผลกระทบต่อไทยน้อยมาก
ครึ่งปีหลังเศรษฐกิจไทยต้องจับตามองเรื่องค่าเงิน นโยบายดอกเบี้ย
ครึ่งปีหลังสิ่งที่เราจะต้องจับตามองคือเรื่อง นโยบายอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกที่เป็นขาขึ้น ซึ่งส่วนของไทย หลายฝ่ายถามว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเมื่อไรนั้น ทางบล.กสิกรไทย คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นช่วงครึ่งปีแรกของปี 2562 เพราะเราเห็นทิศทางจากรายงานของธปท.ระยะนี้ที่มองว่าอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำอาจจะไม่จำเป็นต่อไทยแล้ว
“ช่วงนี้เราเห็นประเทศเพื่อนบ้านของไทย เริ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายกันหมดแล้ว เช่น อินโดนีเซี
ว่าแต่แบงก์ชาติจะขึ้นดอกเบี้ยต้องดูปัจจัยอะไรบ้าง 1) เมื่อเห็นอัตราเงินเฟ้อเข้ากรอบของธปท. (ช่วงนี้ที่เงินเฟ้อเริ่มเข้ากรอบล่างของธปท.ก็เพราะราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น) และ 2) เศรษฐกิจไทยที่ยังเติบโตต่อเนื่อง
ส่วนเรื่องค่าเงินบาทครึ่งปีหลัง เรามองว่าจะอยู่ในเทรนด์อ่อนค่า เพราะคนยังมีความกังวลเรื่องการลงทุ
เศรษฐกิจไทยปีนี้โตดี 4.5% รับผลดี 4 ปัจจัย
ดร. กำพล มองว่า ปีนี้เศรษฐกิจไทยจะเติบโตดีคาดว่าจีดีพี (ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ) จะอยู่ที่ 4.5% โดยมีปัจจัยบวก 4 อย่าง ได้แก่
- การส่งออกของไทย ครึ่งปีแรกทำได้ดี แม้ว่าจะมีข้
อพิพาททางภาษีระหว่างจีนและสหรั ฐฯ แต่คาดว่าผลกระทบอยู่ในวงจำกั ด - การท่องเที่ยว ตัวเลขครึ่งปีแรกออกมาดี
มากเช่นกัน ขณะเดียวกันครึ่งปีหลั งมองว่า ภาคนี้จะฟื้นตัวต่อเนื่ อง แม้ว่าจะมีเหตุการณ์อุบัติเหตุชาวจีนที่ภาคใต้ ซึ่งจะส่ งผลกระทบระยะสั้นต่อภาคการท่องเที่ ยว ซึ่งทางรัฐบาลก็เร่งแก้ ภาพลักษณ์เรื่องนี้อย่างเต็มที่
- การลงทุนของภาครัฐ มีอั
ตราเร่งขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนที่รัฐเบิกจ่ายได้ช้า แต่ปีนี้สัญญาณดีขึ้ นทั้งจากเกณฑ์ภาครัฐที่มี ความชัดเจนส่งผลให้เกิดการลงทุ นทั่วประเทศ - การบริโภค ที่ฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่องถึงครึ่งปีหลังมาจาก 2 ส่วน 1) การบริ
โภคนอกภาคเกษตร จะเป็นตัวขั บเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจไทย ซึ่งปรับตัวดีขึ้ นจากธนาคารมีอัตราการปล่อยสินเชื่ อที่เพิ่มขึ้น ทำให้กำลังซื้ อน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกั น และ 2) ภาคการเกษตรแม้ว่ าครึ่งปีแรกรายได้ ของเกษตรกรจะติดลบ แต่ครึ่งปีหลังคาดว่ารายได้จะไม่ หดตัว เนื่องจากมีทิศทางที่ ดีขึ้นในสินค้ าเกษตรบางประเภท เช่น ข้าว ส่วนสินค้าเกษตรประเภทอื่นๆ ยังไม่ฟื้ นตัว เช่น ยางพารา ดังนั้นจะเห็นว่าการบริ โภคนอกภาคเกษตรกลาย
“เรามองทิศทางบวกว่า เศรษฐกิจไทยจะเติบโตต่อเนื่องไปถึงปี 2562 ที่คาดการณ์ว่าจีดีพีไทยจะอยู่ที่ 4.2%”
สรุป
เศรษฐกิจไทย น่าจะได้รับผลกระทบจาก Trade War ไม่มาก แต่อาจจะกระทบในกลุ่มที่ส่งออกแผงวงจร (ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์) แต่มองว่าภาพรวมเศรษฐกิจไทยจะเติบโตต่อเนื่องทั้งปีจีดีพีอยู่ที่ 4.5% โตต่อเนื่องไปถึงปีหน้า 4.2%
ที่มา บล.กสิกรไทย, ฐานเศรษฐกิจ
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา