เป็นเวลากว่า 9 ปีแล้วที่ RDG (Rabbit Digital Group) ก่อตั้งขึ้น เริ่มต้นจาก Rabbit’s Tale (Full-Service Advertising Agency) ต่อยอดสู่การมีบริษัทในเครือเพิ่มอีก 2 บริษัท คือ บริษัท Moonshot (Digital PR & Content Agency) และ บริษัท Code & Craft (Creative Technology Solutions) ซึ่งทำงานเชื่อมโยงกันภายใต้แนวคิด Digital Ecosystem แต่ละบริษัทต่างสะสมประสบการณ์และผลงานมากขึ้นตามวันเวลา จนหลายชิ้นเริ่มเป็นที่จดจำและจับตามอง
วันนี้ เราจึงขอชวน 4 หนุ่ม ผู้มีบทบาทและหน้าที่รับผิดชอบแตกต่างกันในเครือ RDG มาเล่าถึงแนวคิดเบื้องหลังของชิ้นงานที่พวกเขาภาคภูมิใจ พวกเขาเป็นใครและจะมีงานชิ้นไหนบ้าง ตามไปดูกัน
“ในทุก ๆ การทำงาน เอเจนซีต้องเพิ่มมูลค่าให้ตัวเองด้วยความเข้าใจและเท่าทันสิ่งใหม่ ๆ เสมอ และตอบให้ได้ว่าจะใช้ Digital Data ที่มี ไปช่วยตอบโจทย์ของลูกค้าได้มากขึ้นอย่างไร”
1. SCB แม่มณี : ความเชื่อกับวิถีชีวิตออนไลน์ที่เข้ากันดี
Brief : เมื่อทางธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศใช้มาตรฐาน QR Code สำหรับการใช้จ่ายเงินผ่านมือถือ ธนาคารต่าง ๆ ก็เริ่มขยับและ ต้องชื่นชมทาง SCB เพราะเขาตั้งโจทย์มาค่อนข้างชัดครับ คือ มุ่งกลุ่มเป้าหมายไปที่ร้านค้าให้เริ่มเปิดรับเทคโนโลยีนี้ก่อน และได้มีการโยนไอเดียเรื่องการใช้ความเชื่อที่คุ้นเคยมาผสานเข้ากับเทคโนโลยี นั่นคือ “นางกวัก” และมีการคิดชื่อกันว่าเป็น “แม่มณี”
Challenge : คือ จะทำยังไงให้ “แม่มณี” เป็นมากกว่านางกวัก ทำให้คนรัก ยอมรับ เข้าใจและกล้าใช้งานแม่มณี ที่เป็นตัวแทนของ QR Code
Idea & Solution : เราสร้างคาแรกเตอร์ สตอรี่ คอนเซปต์ต่าง ๆ และออกแบบการสื่อสารครบวงจรให้แม่มณี มีความสดใสและเฟรนลี่ โดยถ่ายทอดเรื่องราวผ่านคุณใหม่ ดาวิกา ซึ่งเป็นตัวแทนของพ่อค้าแม่ค้า ที่สำคัญคุณใหม่ก็มีร้านเสื้อผ้าเป็นของตัวเอง นำมาบวกกับ Pain ต่าง ๆ ที่คนค้าขายน่าจะเคยเจอเกี่ยวกับเงินสด เช่น ลูกค้าจ่ายแบงก์ใหญ่แล้วไม่มีทอน หรือบอกว่าจะไปกดเงินแต่ก็ไม่กลับมา ทำออกมาเป็นหนังสั้นที่เล่าเรื่องน่ารัก ๆ ของแม่มณีและคุณใหม่ตัวแทนแม่ค้า ที่หลังจากแม่มณีก็ขายดีขึ้น
Result & Success : นอกจากจะทำให้พ่อค้าแม่ค้ากล้าใช้แม่มณีแล้ว เรายังได้เห็นภาพแปลก ๆ อย่าง เริ่มมีน้ำแดงวางข้างหน้าแม่มณี หรือมีความเชื่อว่า อย่าคว่ำป้าย เดี๋ยวลูกค้าไม่เข้า ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เราไม่ได้คิดถึงนะครับ แต่ก็ยังรู้สึกประหลาดใจเวลาที่มันเกิดแบบนี้ขึ้นจริงๆ
2. CanonLife : เริ่มต้นจากแบรนด์ ต่อยอดสู่สังคม
Brief : Canon มี Platform ที่ชื่อ CanonLife เป็นชุมชนสำหรับคนรักการถ่ายรูป ซึ่งทางลูกค้าต้องการ มีคนเข้ามาใช้งาน และต้องการข้อมูลของลูกค้า Canon เพื่อทำ CRM ต่อด้วย
Challenge : ทำอย่างไรให้คนเข้ามาร่วม และให้ข้อมูล โดยที่เรามีข้อจำกัดเรื่องผลตอบแทน และจริง ๆ การจัดกิจกรรมแนวนี้ก็มีคนทำอยู่แล้ว
Idea & Solution : เรามองไปถึงการร่วมทำความดีเพื่อให้สังคมดีขึ้นผ่านภายถ่ายและช่างภาพ ทำให้เห็นว่ามันไม่ใช่การถ่ายรูปสวยอย่างเดียวนะ แต่เป็นรูปถ่ายที่มีความหมาย เลยตั้งโจทย์ชวนทุกคนมาถ่ายรูป ก–ฮ ผ่านการตีความของตัวเอง เพื่อช่วยกันสร้างแบบเรียนภาษาไทยที่สวยน่าเรียนต่างไปจากเดิม
Result & Success : ภาพที่หลาย ๆ คนถ่ายส่งมาช่วยเพิ่มมุมมองให้กับเด็ก บวกกับการทำดีเพื่อสังคมเป็นสิ่งที่ผูกพันกับคนไทยมาก ทำให้ดึงคนมาร่วมกิจกรรมได้เยอะนะ แบบเรียนถูกแจกจ่ายไปถึงโรงเรียนทั่วประเทศกว่า 400 แห่ง บนโลกออนไลน์ก็พูดถึงในแง่บวก ตอบโจทย์แบรนด์ที่อยากให้คนใช้ CanonLife ด้วย เป็นโปรเจ็กต์ที่ Feel Good มาก ๆ ครับ
3. Veranda Resort Pattaya : ยอดจองทะลุเป้าด้วยเทคนิค Influencer ของ Influencer
Brief : โจทย์ที่ Veranda ให้เรามาค่อนข้างท้าทาย กับ Veranda Resort Pattaya เพิ่งเปิดใหม่ และต้องการให้เป็นกระแสในช่วงที่เปิดทันที
Challenge : การโปรโมทโรงแรมใหม่ภายใต้ข้อจำกัดผ่าน Social Media และ Influencer ที่โฆษณาการถ่ายภาพโรงแรมไม่ใช่เรื่องใหม่อีกต่อไป
Idea & Solution : เราเลยตีโจทย์ว่าสองจุดสำคัญของการทำดิจิทัลของกลุ่มรีสอร์ท คือ รูปภาพและ Influencer แต่เราไม่ได้มีเงินจ้าง Influencer จำนวนมาก จึงวิเคราะห์ว่ากลุ่มสำคัญที่จะเชิญมาพักเป็นใคร และเลือกใช้เทคนิค Influencer ของ Influencer โดยโฟกัสไปที่กลุ่ม Photo Influencer ที่ถ่ายภาพสวยและถูกติดตามโดยคนดังจำนวนมาก เพราะสามารถมีอิทธิพลต่อผู้นำความคิดคนอื่น ๆ และรูปสวย ๆ ที่ส่งออกไปได้ในวงกว้าง โดยสร้าง Invitation card จากรูปภาพของพวกเขาเอง เพื่อแสดงให้เห็นว่าเราเห็นคุณค่าของงานเขาจริง ๆ และชวนเค้ามาร่วมโปรเจคท์ถ่ายภาพกับ #DesigningVeranda กัน
Result & Success : เกิดกระแสตอบรับดีเลยครับ มีรูปสวย ๆ ออกมาเป็นจำนวนมาก และหลายคนก็ติดต่อขอมาพักล้นหลาม สมาคมท่องเที่ยวพัทยาบอกเราว่า งานชิ้นนี้ทำให้การท่องเที่ยวไทยในพัทยาเติบโตสูงสุดในรอบ 3 ปี พัทยาก็กลับมาคึกคัก ยอดเฉลี่ยการจองที่ตั้งเป้าไว้ 6 เดือน แค่ 3 เดือนแรกก็ทะลุเป้าแล้ว เกินความคาดหมายจริงๆ
“การสื่อสารต้องมีความคิดสร้างสรรค์อยู่ แต่ความคิดสร้างสรรค์นั้นไม่ได้มาโชว์ว่ามันเจ๋ง มันเท่ แต่เป็นการสร้างสรรค์ที่เข้าไปตอบโจทย์ ทำให้เกิดประสิทธิผลกับสิ่งที่เราต้องการสื่อสารจริง ๆ”
1. สินมั่นคงประกันภัย : เลือกใช้สิ่งที่คุ้นเคยเพื่อเข้าถึงใจคน
Brief : สินมั่นคงให้โจทย์กับเราว่า อยากให้คนเกิด Awareness รับรู้ถึงกรมธรรม์สุขภาพตามฟิต และอยากมาซื้อประกันตัวนี้หน่อย
Challenge : ด้วยโลโก้ของแผนประกันสุขภาพตามฟิต ทำให้คนเข้าใจผิดว่า จะทำกรมธรรม์นี้ได้ต้องเป็นคนออกกำลังกายเท่านั้น เลยไม่ค่อยสนใจ
Idea & Solution : เราเลยตีโจทย์จากชื่อ ‘สุขภาพตามฟิต’ ว่า จริง ๆ แล้ว เรื่องที่เราเจอกันทุกวันมันทำให้เราฟิตอยู่แล้ว โดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ ที่มีแต่เรื่องท้าทายให้สุขภาพดีขึ้น ขึ้นรถไฟฟ้ายังต้องฟิตเลย ต้องไปแลกเหรียญ ต่อคิวยาวนาน ฝนตกโบกแท็กซี่แล้วก็ไม่ไป มันก็มีดีเทลพวกนั้นที่ทำให้เห็นว่า เราทุกคนมีสิทธิ์ที่จะได้ส่วนลดจากประกันนี้ ประกันนี้เป็นของทุกคน
Result & Success : หลังจากปล่อยวิดีโอออกไป เกิดทั้งยอดแชร์ ยอด Sentiment คนเข้าใจและเข้าถึงในสิ่งที่เราต้องการสื่อออกไป มีคนสอบถามถึงกรมธรรม์ตัวนี้มากขึ้น อีกเรื่องที่ดีใจคือเป็นงานที่ได้รับรางวัล Gold สาขา Digital Film จากเวที Adman Awards 2017และ AdFest 2018 ด้วยครับ
2. Noble : The Sound of Architecture : เสียงสร้างเอกลักษณ์ให้แบรนด์
Brief : งานชิ้นนี้เกิดจาก Noble ต้องการทำ Showcase ที่รวมคอนโด ทั้งโปรเจกต์เก่าและใหม่ที่ยังมีที่ว่างอยู่ เอามารวมกันแล้วให้คนดู แต่ทาง Noble ไม่อยากได้งานแบบที่มีแต่ตัวเลขและต้องสื่อตัวตนของแบรนด์ออกมา
Challenge : คอนเซ็ปต์ของ Noble คือ Be Different, Be Noble เราต้องมาคิดกันว่าจะตีความคำว่า “แตกต่าง” อย่างไร และจะทำให้ตัวตนของ Noble น่าสนใจและดึงดูดคนด้วยวิธีไหน
Idea & Solution : เราเกิดแนวคิดว่าดนตรีกับสถาปัตยกรรมมีส่วนที่คล้ายกันและนำมารวมกันได้ เลยนำเสนอไอเดียที่บอกว่า ดีเทลในการออกแบบ ซึ่งเป็นสิ่งที่แบรนด์ให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ไม่ได้มองเห็นด้วยตาอย่างเดียว แต่สามารถฟังได้ด้วย
Result & Success : ผลงานที่ออกมาทำให้แบรนด์พอใจ คนก็เข้าใจในตัวตนของ Noble เวลาไปเล่าให้ใครฟัง คนก็จะตื่นตาตื่นใจ เป็น Effective Creativity ที่เราภูมิใจครับ
“การจะสร้าง Brand Love ก็เหมือนการสร้างกรุงโรม ที่ไม่ได้เสร็จได้ในวันเดียว ทำให้แบรนด์ต้องมี Positioning ที่ชัดเจนและมีวินัยในการสร้างมันอย่างต่อเนื่อง”
1. Blogger Society by CP All : ทำให้แบรนด์เป็นที่รัก เริ่มต้นจากการให้
Brief : งานนี้เป็นโครงการ CSR ที่ทาง CP All อยากจัดขึ้นครับ เพื่อมอบรางวัลให้กับคนทำ Blog ที่ดีและมีคุณภาพเพื่อเป็นกำลังใจและแสดงถึงการมองเห็นคุณค่าของงาน
Challenge : Influencer ยังไม่รู้จักหรือคุ้นเคยกับแบรนด์เลย ดังนั้นเราจะทำยังไง ให้เกิดความไว้วางใจระหว่างแบรนด์และ Influencer ไปถึงจุดที่แบรนด์สามารถมอบรางวัลให้กับคนทำบล็อกได้
Idea & Solution : เราอยากให้ Blogger และ CP All คุ้นเคยกันก่อน เลยวางแผนแบ่งงานเป็น 3 เฟส เฟสแรก คือ Blogger’s Bootcamp ที่ชวนพี่ ๆ Blogger มาเล่าเรื่องราว แบ่งปันประสบการณ์การทำ Blog ให้ Blogger รุ่นน้องฟัง เฟสที่สอง คือ “บล็อก เจอ เดย์” BLOG-GER-DAY by CP All เป็นงานมีทติ้งของคนทำ Blog แลกเปลี่ยนความรูุ้กัน สร้างคอนเน็กชั่นใหม่ๆ จนถึงเฟสสุดท้ายคือ Thailand Best Blog Awards by CP All (TBBA) ที่มอบรางวัลให้กับคนทำ Blog โดยภาพรวมมันเป็นงานที่ให้ทั้งความรู้ ให้แรงบันดาลใจและสร้างเน็ตเวิร์กขนาดใหญ่ที่พวกเราเองก็ภูมิใจและสนุกกับมันมากครับ
2. เท็จ Periment : สื่อสารองค์กร ด้วยการทดลองเรื่อง (ไม่) จริง
Brief : งานนี้ทำขึ้นเพื่อฉลองในโอกาสที่ Rabbit’s Tale บริษัทแรกในเครือ RDG ของเราครบรอบ 8 ปี และตรงกับจังหวะที่ต้องการจะรับสมัครทีมงานเพิ่ม เราเลยอยากพีอาร์องค์กรให้คนรุ่นใหม่ได้รู้จักมากขึ้น
Challenge : จะดึงดูดคนรุ่นใหม่ให้มาสมัครงานยังไง โดยไม่ต้องใช้งบประมาณผ่านสื่อต่าง ๆ
Idea & Solution : เราอยากจะดึงโมเมนต์น่ารัก ๆ ความอบอุ่นที่มีในบริษัทออกมาให้คนเห็น เลยทำวิดีโอ ‘เท็จPeriment’ ถ่ายคลิปให้ผู้บริหารและพนักงานสลับกันถามตอบผ่านเครื่องจับเท็จที่เราประกอบขึ้นเอง เล่าเรื่องที่อยู่ในใจของคน ทั้งอารมณ์ขัน ความสุขในการทำงาน ไปจนถึงความรักในองค์กร เป็นการขายแบบไม่ขายครับ
Result & Success : หลังจากปล่อยวิดีโอออกไป คนดูและแชร์จนกลายเป็น Earned Media ด้วยตัวมันเอง คนเข้ามาพูดคุยมากกว่า 1,000 คอมเมนต์ เพราะคนดูดูแล้วรู้สึกกับมันจริง ๆ เป็นที่สนใจจนสื่อออนไลน์หลายแห่งช่วยนำไปเผยแพร่ต่อให้ เป็นผลให้ Rabbit’s Tale เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น และมียอดคนสมัครงานเพิ่มขึ้นภายใน 2 เดือน
“บางทีลูกค้าจะรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร แต่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้ได้สิ่งนั้นมา เราก็ต้องทำหน้าที่ได้ทั้งการแนะนำและให้คำปรึกษา เพื่อให้งานออกมาดีที่สุด”
1. เว็บไซต์ AP. Honda : เข้าใจ Journey เส้นทางการตัดสินใจคนในยุคดิจิทัล
Brief : โจทย์ของ A.P. Honda คือ อยากสร้างเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลต่างๆ ได้อย่างครบถ้วนครับ
Challenge : เราจะออกแบบ Journey การใช้เว็บไซต์ให้ตอบโจทย์แบรนด์ และไม่ซ้ำกับเว็บไซต์ต่างๆ ที่เคยมีอยู่แล้วได้ยังไง อะไรคือสิ่งดึงดูดให้คนสนใจ
Idea & Solution : งานชิ้นนี้เราทำให้ทั้งรถรุ่นเล็กและบิ๊กไบค์ แต่เน้นที่รุ่นเล็กเป็นหลัก โดยออกแบบตาม Journey ของผู้ใช้งาน เราอยากให้เว็บจบในตัวเอง ใครเข้ามาแล้วไม่ต้องออกไปหาข้อมูลที่อื่นอีก เว็บไซต์ A.P. Honda จึงมีข้อมูลรถแต่ละรุ่น พร้อมรีวิวรถที่รวบรวมจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ รวมทั้งตารางเปรียบเทียบราคา ช่วยให้เขาวางแผนการเงินได้เลย
Result & Success : ความสำเร็จของเว็บไซต์นี้คือการตอบโจทย์การใช้งาน ง่ายต่อการตัดสินใจ โดยเฉพาะการเปรียบเทียบราคาของรถข้ามรุ่น หลังจากเลือกรุ่นเสร็จก็สามารถหาจุดจำหน่ายแบบอัตโนมัติหรือดูจาก Google map ได้ เป็นเว็บไซต์ที่ตอบโจทย์ความต้องการได้ครบถ้วน
2. เว็บไซต์ Landing Page Honda CRV : ลูกเล่นที่ทำให้แบรนด์ไปได้สุด
Brief : ลูกค้าบรีฟว่า อยากจะเว็บไซต์ที่ครบวงจรเอาไว้รองรับ Honda CRV รุ่นใหม่ ที่กำลังเปิดตัว ให้คนเข้ามาดูมาศึกษาข้อมูลได้
Challenge : การผสานโจทย์ที่ลูกค้าต้องการ ระหว่างความหรูหราและฟังก์ชันการใช้งานบนหน้าเว็บให้ลงตัว
Idea & Solution : ด้วยโจทย์ความหรูหรา มันทำให้เราเล่นอะไรได้ค่อนข้างเยอะ ผลงานเว็บที่ออกมาให้ความรู้สึกเหมือนเรากำลังอ่านโบรชัวร์อยู่ มีฟีเจอร์ให้เล่น ทั้งฟีเจอร์การดูรถ 360 องศาทั้งภายในและภายนอกตัวรถ รวมไปถึงดีเทลในตัวรถพร้อมข้อมูล
Result & Success : ลูกค้าค่อนข้างพอใจกับเว็บไซต์ที่เราทำให้ เพราะเราออกแบบให้มีลูกเล่นที่ตอบโจทย์ความหรูหราจัดเต็ม ในตอนนี้ก็ยังสามารถเข้าไปดูในเว็บไซต์ เข้าไปลองเล่นกันดูได้ครับ
และนี่คือบางส่วนของแนวคิดและผลงานที่ผ่านการเดินทางมาตลอดหลายปีของ RDG ซึ่งในปีนี้ได้ประกาศความเป็น Digital Ecosystem อย่างเต็มตัว โดยคุณสโรจได้กล่าวทิ้งท้ายว่า “การที่ RDG สร้างระบบ Ecosystem เพื่อให้แต่ละบริษัททำงานเชื่อมโยงและสนับสนุนกันนั้น จะส่งผลดีต่อทั้งตัวเราและลูกค้า เพราะวันนี้ เราเป็น Ecosystem ที่ทุกคนมีความเชี่ยวชาญเป็นของตัวเอง ลูกค้าเดินเข้ามาหา เขาต้องการคนที่เข้าใจเขาทุกเรื่อง วันนี้เราพร้อมตอบโจทย์ให้กับเขา เพราะเรามีคำตอบที่ครอบคลุม มีวิธีแก้ไขปัญหาและ Solution ให้ลูกค้า ทำให้ควบคุมต้นทุนทั้งในแง่ของค่าใช้จ่ายและเวลาได้ง่ายขึ้น ซึ่งเป็นต้นทุนสำคัญที่ลูกค้าทุกคนให้ความสำคัญครับ” เป็นก้าวต่อไปที่ทำให้เชื่อได้เลยว่า ต่อจากนี้ RDG น่าจะมีผลงานใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ ให้เราได้คอยติดตามกันต่อไปอีกแน่นอน
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา