นักวิเคราะห์ได้แสดงความคิดเห็นว่า ร้านกาแฟเงือกเขียว Starbucks ควรจ่ายค่าจ้างให้บาริสต้าตามจำนวนเครื่องดื่มที่ชง มากกว่าตามจำนวนชั่วโมงการทำงาน เพราะพวกเขาทำงานหนักขึ้นหลังจากที่ใช้แอพพลิเคชั่นในการซื้อ และจ่ายเงินได้
Panos Mourdoukoutas คอลัมนิสต์ของ Forbes และกูรูด้านเศรษฐศาสตร์ได้แสดงความคิดเห็นถึงการจ้างงานของ Starbucks ว่า ควรจ่ายค่าจ้างให้พนักงาน หรือบาริสต้าตามจำนวนแก้วที่เขาชง มากกว่าที่จะจ่ายค่าจ้างตามจำนวนชั่วโมงมากกว่า
ซึ่งต้องบอกว่าบาริสต้าเป็นเหมือนหัวใจสำคัญของธุรกิจร้านกาแฟ หรือแม้แต่ Starbucks เองก็เช่นกัน ต้องชงเครื่องดื่มตามที่ลูกค้าต้องการให้มากที่สุด แน่นอนว่าต้องยุ่งหัวหมุนทั้งวัน
หลังจากที่ Starbucks ได้เปิดตัวแอพพลิเคชันที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าในการสั่งซื้อ และการชำระเงินผ่านมือถือ ก็ยิ่งทำให้บาริสต้ายุ่งมากขึ้นไปอีก เพราะลูกค้าสั่งได้ง่ายขึ้น ต้องเตรียมเครื่องดื่มสำหรับลูกค้าทั่วไป และยังต้องเตรียมเครื่องดื่มสำหรับลูกค้าที่สั่งจองเครื่องดื่มล่วงหน้าด้วย
แต่ผลที่ตามมาคือบาริสต้าได้เงินเท่าเดิม ไม่ได้เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด แถมยังต้องทำงานหนักขึ้น โดยเฉพาะช่วงเวลาพีคๆ
เมื่อดูรายได้ของบาริสต้าแล้วอยู่ที่ราว 9-10 เหรียญ/ชั่วโมง หรือ 22,000-23,000 เหรียญ/ปี เท่านั้น ตัวเลขนี้แทบจะไม่แตกต่างจากค่าแรงขั้นต่ำในหลายๆ รัฐเท่าไหร่นัก
เขามองว่าการที่มีแอพพลิเคชั่นทำให้ลูกค้าสั่งสินค้า จ่ายเงินได้ง่าย ให้ร้านมีลูกค้ามากขึ้น แต่ก็เพิ่มภาระให้บาริสต้าต้องทำงานหนักขึ้น และพวกเขาควรได้รับค่าแรงเพิ่ม โดยใช้หลักการให้ค่าแรงตามจำนวนแก้วถึงจะคุ้มค่ามากกว่าให้เป็นรายชั่วโมง
เขาเกรงว่าในอนาคตอาจจะทำให้เกิดการปฏิวัติของบาริสต้าขึ้นได้ เพราไม่พอใจในผลตอบแทนที่ได้ ซึ่งทำให้ Starbucks ต้องตัดสินใจว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไรได้บ้าง
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา