แม้ว่าวันศุกร์ (22 มิ.ย.) หุ้นจีนจะปิดตัวแบบขยับสูงขึ้น แต่ยังอยู่ในช่วงภาวะตลาดหมี (Bear Market-ตลาดหุ้นขาลง) เพราะนักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ และจีน ซึ่งเป็นนโยบายที่สหรัฐทำเพื่อป้องกันยอดขายในประเทศไม่ให้หดตัว
โดยดัชนีตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ คอมโพไซด์ ปิดตลาดเพิ่มขึ้น 0.5% หลังจามีการเคลื่อนไหวผันผวนในระหว่างวัน ซึ่งระหว่างสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นติดลบ 4.4% ถือเป็นการปิดตลาดต่ำที่สุดตั้งแต่เดือน ก.พ. และช่วงที่ลดลงสูงสูดอยู่ที่ 19% ในช่วงม.ค.ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นของภาวะตลาดหมี ซึ่งมีข้อมูลสนับสนุนจากรายงานของโบรกเกอร์ในวันศุกร์ว่า ต้องขออนุมัติจากรัฐบาลก่อนการชำระบัญชีหุ้น เป็นข้อผูกมัดเหมือนกับการถอนหลักประกันสำหรับสินเชื่อ
ไต้ หมิง ผู้จัดการกองทุนในเซี่ยงไฮ้ Hengsheng Asset Management บอกว่า จากข่าวที่ว่าโบรกเกอร์ไม่สามารถสั่งชำระบัญชีหุ้นได้หลังจากราคาร่วงลงจากแนวรับ ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น ในระยะสั้น ขณะเดียวกันทิศทางขาขึ้นของตลาดหุ้นยังถูกจำกัดเพราะผลกระทบจากปัญหาการค้าระหวางจีนและสหรัฐ ซึ่งทำให้ความเสี่ยงในการซื้อขายหุ้นเพิ่มขึ้น และคาดว่าเป็นความเสี่ยงในระดับกลางแต่ต้องจับตาในระยะยาว
ดัชนีเซี่ยงไฮ้ ด้านการค้าใกล้จุดต่ำสุดตั้งแต่ เดือนมิ.ย. 2016 ซี่งถือว่าเป็นผลการดำเนินงานที่แย่ที่สุดในโลกและในปีนี้ ซึ่งลดต่ำลงเพราะภาวะ รัดเข็มขัด (deleveraging campaign) ของปักกิ่ง รวมถึงข้อมูลทางเศรษฐกิจที่แสดงทิศทางแย่กว่าหลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ โดยมองว่าข้อพิพาทการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ ทำให้การซื้อขายอยู่ที่ 2,889.76 จุด ซึ่งถือว่าเป็นระดับต่ำกว่าที่ผ่านมา
นอกจากนี้ตั้งแต่วันที่ 24 ม.ค. หลักทรัพย์จีนกว่า 1.6 ล้านล้านเหรียฐสหรัฐถูกระงับการซื้อขายก็ส่งผลให้ คนมองเรื่องความเสี่ยงในหุ้นจีนมากขึ้น ขณะเดียวกันเมื่อราคาหลักทรัพย์ที่ลดลง ส่งผลให้เกิดการเรียกหลักประกันเพิ่ม (margin calls ) และบังคับให้เกิดการชำระบัญชี ซึ่งส่งกดดันให้เกิดแรงขายในตลาดมากขึ้น
ผลกระทบต่อการค้า
นักเศรษฐศาสตร์ ของ Morgan Stanley คาดว่า ดัชนี CSI 300 (ดัชนีหุ้นที่ประกอบด้วยหุ้น A-Shares 300 หุ้น) จะลดลงสูงสุด 18% จากเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ซ่งเป็นการเข้าสู้ภาวะตลาดหมี สาเหตุมาจากภาวะเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวเลง หาก โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ สามารถเพิ่มภาษีการนำเข้าสินค้าของจีน 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐน่าจะส่งผลกระทบให้การเติบโตเศรษฐกิจของจีนลดลงครึ่งเปอร์เซนต์
ผู้กำหนดนโยบายของจีน พยายายามขจัดความกังวลของนักลงทุน โดยวันอังคารที่ผ่านมา อี้ กัง (Yi Gang) ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน ออกมาให้คำมั่นสัญญาว่าจะทำนโยบายการเงิน (monetary policy) เพื่อรักษาสภาพคล่องของตลาดให้เหมาะสมและมั่นคงซึ่งเป็นเสียงสะท้อนภายหลังการประชุมย่อยของคณะรัฐมนตรีซึ่งมี หลี่ เคอเฉียง (Li Keqiang) เป็นประธานการประชุม
The ChiNext ประเมินว่าหุ้นขนาดเล็ก และกลุ่มเทคโนโลยี ยังเติบโต 1.8% ในวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังจากก่อนหน้าที่หุ้นตกลง ส่วน ตลาดหุ้นฮ่องกง เริ่มจะกลับมาซื้อขายมากขึ้น ทำให้ เวลา 15.57 น. (วันศุกร์ที่ผ่านมาตามเวลาฮ่องกง) ดัชนีหุ้น Hang Seng เพิ่มขึ้น 0.3%
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา