ในงาน Bloomberg ASEAN Summit หนึ่งในหัวข้อเสวนาที่สำคัญคือเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานใน ASEAN ซึ่งเศรษฐกิจโดยรวมกำลังเติบโตสูง แต่ยังมีปัญหาใหญ่ๆ คือเรื่องการระดมทุนในการหาเม็ดเงินเหล่านี้
เราจะเห็นว่าหลายๆ ประเทศใน ASEAN ช่วงที่ผ่านมามีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานโครงการใหญ่ๆ เป็นจำนวนมาก ซึ่งแน่นอนว่าแต่ละโครงการใช้เม็ดเงินจำนวนมหาศาล แต่ ASEAN ก็ยังต้องการเม็ดเงินในการลงทุนเหล่านี้โดยเฉพาะแหล่งเงินสำคัญๆ อย่างกองทุนบำเหน็จบำนาญ และ Private Equity หรือแม้แต่กองทุนความมั่งคั่งของประเทศต่างๆ
McKinsey ได้ประเมินคร่าวๆ ว่า ASEAN ต้องการเม็ดเงินในช่วงปี 2016 จนถึงปี 2030 ถึงกว่า 2.8 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอาทิเช่น ถนน ท่าเรือ ฯลฯ เพื่อที่จะยกระดับเศรษฐกิจและรวมไปถึงทำให้ลดความยากจนลงอีกด้วย
ตลาดทุนช่วยได้
Amol Gupte ผู้บริหารภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จาก Citi ให้มุมมองว่า ASEAN ยังต้องการเม็ดเงินจำนวนมหาศาล แต่เจ้าของเม็ดเงินจำนวนมหาศาลเหล่านี้ก็ต้องการผลตอบแทนที่ดี และโครงการเหล่านี้ก็ต้องมีความโปร่งใสในเรื่องของการประมูล รวมไปถึงให้ผลตอบแทนแก่ผู้ลงทุนถ้าหากแล้วเสร็จ ซึ่งถ้าให้ความมั่นใจเหล่านี้เกิดขึ้นได้ ก็จะมีเม็ดเงินเหล่านี้เข้ามา
เขายังเชื่ออีกว่าตลาดทุนเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผู้ที่อยากลงทุนกับเจ้าของโครงการที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานนั้นมาเจอกัน
สภาพคล่องที่ยังสูงอยู่
ชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สภาพคล่องในระบบการเงินยังถือว่าสูงอยู่ โดยสภาพคล่องที่มหาศาลทำให้ยังมีเม็ดเงินที่ยังสามารถระดมทุนในการสร้างโครงการใหญ่ๆ ได้ นอกจากนั้นเขายังได้กล่าวเสริมว่า การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้สามารถสร้างประโยชน์ให้กับตลาดทุนของไทยอย่างแน่นอน
ที่มา – Bloomberg
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา