หลังจากการเลือกตั้งภายในประเทศมาเลเซียสำเร็จเสร็จสิ้น รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีมหาเธร์ โมฮัมหมัด ได้เปลี่ยนแปลงนโยบายสำคัญๆ ของประเทศมาเลเซียมากมาย และล่าสุดนายกรัฐมนตรีมาเลเซียเตรียมแก้ปัญหาหนี้ในประเทศที่สูงถึง 80% ของ GDP
ปัญหาเศรษฐกิจของมาเลเซียในช่วงที่ผ่านมาคือหนี้ที่มีจำนวนสูงมาก ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจมาเลเซียจะเจริญเติบโตได้สูงเกิน 4.5% สำหรับเรื่องหนี้ของประเทศมาเลเซียนั้นเป็นความเสี่ยงเศรษฐกิจอันดับต้นๆ โดยเราจะเห็นได้จากค่าเงินริงกิตที่มีความผันผวนมากในช่วงที่ผ่านมา
สำหรับหนี้ของรัฐบาลมาเลเซีย ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 272,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นจำนวน 80% ของ GDP
ขอกู้แน่นอน แต่ยังไม่ระบุจำนวนเงิน
การหารือร่วมในการเยือนประเทศญี่ปุ่นระหว่าง มหาเธร์ โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีมาเลเซียกับนายก ชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น มีประเด็นการขอเงินกู้จากประเทศญี่ปุ่นเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้ในประเทศ แต่ทางนายกรัฐมนตรีมาเลเซียไม่ได้กล่าวไว้ถึงจำนวนเม็ดเงินที่จะขอกู้ โดยสาเหตุที่จะต้องกู้เงินส่วนหนึ่งมาจากการคอรัปชั่น โดยเฉพาะกองทุน 1MDB ของรัฐบาลที่แล้ว รวมไปถึงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน
ย้อนกลับไปปี 1998 มาเลเซียสมัยรัฐบาลของมหาเธร์ ก็เคยขอกู้เงินจากประเทศญี่ปุ่นมูลค่า 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐในการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังจากเกิดวิกฤติการเงินในเอเชียด้วย โดยการขอเงินกู้จากประเทศญี่ปุ่นมีข้อดีคือเรื่องของดอกเบี้ยที่ค่อนข้างต่ำ
ยังมีการเจรจาถึงเรื่องอื่นๆ ด้วย
นอกจากนั้นแล้วยังมีการหารือในเรื่องของรถไฟที่ทางมาเลเซียอยากให้ญี่ปุ่นช่วยในเรื่องของการปรับปรุงระบบราง หรือแม้แต่การเดินรถไฟ รวมไปถึงเรื่องของการลดการใช้รถยนต์แล้วหันมาใช้รถไฟแทนด้วย
ส่วนในเรื่องของการศึกษา นายกรัฐมนตรีของมาเลเซียยังได้เชิญมหาวิทยาลัยดังๆ ในประเทศญี่ปุ่นมาตั้งสาขาในประเทศมาเลเซียอีกด้วย ซึ่งเป็นนโยบายใหม่ของนายกรัฐมนตรีมาเลเซียที่พยายามจะหันกลับมาสู่เอเชียอีกครั้งในเรื่องของนโยบายการศึกษา
ที่มา – Nikkei Asian Review
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา