เปิดวิสัยทัศน์ Lombard Odier พันธมิตรสำคัญของ KBank Private Banking

เมื่อถึงนึกผู้ให้บริการไพรเวทแบงก์ ที่มีประวัติยาวนานอันดันต้นๆ ของยุโรป ต้องนึกถึง Lombard Odier จากประเทศสวิสเซอร์แลนด์ หนึ่งในบูทีคไพรเวทแบงก์ที่มีชื่อเสียงและประสบการณ์ยาวนานกว่า 222 ปี

Brand Inside ได้มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ Patrick Odier ผู้เป็น Chairman of the Board of Directors of Bank Lombard Odier & Co Ltd. และ Senior Managing Partner of the Lombard Odier Group ซึ่งได้มาเยี่ยมสำนักงานของ KBank Private Banking ในฐานะพันธมิตรหนึ่งเดียวในประเทศไทยของ Lombard Odier

222 ปีของ Lombard Odier จากอดีตสู่อนาคต

Lombard Odier มีประวัติยาวนานกว่า 222 ปี ผ่านประสบการณ์และเหตุการณ์ต่างๆ มามาก มีการคิดใหม่ ทำใหม่ตลอดเวลาในทุกเหตุการณ์สำคัญของโลก ทำให้ Lombard Odier ต้องหาแนวทางใหม่ๆ เพื่อปกป้องทรัพย์สินของลูกค้า ฯลฯ รวมไปถึงต้องพัฒนาเทคโนโลยีที่ดีที่สุดเพื่อลูกค้า

Patrick Odier กล่าวว่า เทคโนโลยีเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับลูกค้าในระยะยาว โดย Lomabrd Odier ได้ผ่านวิกฤติทางการเงินถึง 40 ครั้ง และทุกครั้ง Lombard Odier สามารถปรับตัว รับมือกับสถานการณ์พร้อมกับพัฒนาตัวเองขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ Lombard Odier มีความแข็งแกร่ง ในงบการเงินปี 2017 ทาง Lombard Odier มีเงินกองทุนขั้นที่ 1 ของมาตรฐาน Basel III อยู่ที่ 26.5% มี Liquidity Ratio 187% และมีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการ 2.74 แสนล้าน ฟรังก์สวิส (หรือประมาณ 8.87 ล้านล้านบาท)

นี่คือสิ่งที่พิสูจน์ได้ดีที่สุด

เทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพ Private Banking

เมื่อโลกดิจิทัลเข้ามามีบทบาทสำคัญในหลายๆ เรื่อง รวมไปถึงเรื่องของการลงทุนด้วย ทำให้ Lombard Odier มีการปรับตัวมาโดยตลอด

Patrick Odier ได้กล่าวว่า Lombard Odier ให้ความสำคัญกับการปรับตัวในโลกดิจิทัล โดยการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ ยิ่งโดยเฉพาะบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน และรวมไปถึงผู้ให้บริการไพรเวทแบงก์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการจัดการต่างๆ และยังรวมไปถึงการจัดการความเสี่ยง ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก เป็นสิ่งที่เทคโนโลยีสามารถช่วยได้มาก

Lombard Odier ให้ความสำคัญและพัฒนาระบบไอทีแทบทั้งหมด รวมไปถึงการที่เพิ่มจำนวนบุคลากรทางด้านเทคโนโลยีเป็นจำนวนมาก เพื่อพัฒนาระบบไอทีให้มีประสิทธิภาพและสามารถสนับสนุนให้กับลูกค้าได้ดียิ่งขึ้นด้วย

จากการให้ความสำคัญและพัฒนาด้านเทคโนโลยีของ Lombard Odier ยังเป็นผู้นำทางเทคโนโลยี ที่ Private Bank รายอื่นๆ และรวมไปถึงบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนหลากหลายแห่งต้องมาใช้งานระบบเทคโนโลยีของ Lombard Odier ซึ่งรวมถึงลูกค้าของ KBank Private Banking ที่จะรับเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูงด้วย

จัดการเรื่อง Portfolio ให้กับลูกค้าได้อย่างถูกต้อง

ในโลกของการลงทุน ลูกค้าแต่ละรายย่อมรับความเสี่ยงไม่เท่ากัน การให้คำแนะนำในการลงทุนจึงแตกต่าง ตามความต้องการของลูกค้า โดยเฉพาะในปัจจุบันที่โลกเปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก ความผันผวน และความไม่แน่นอนในทุกเรื่อง มีผลต่อการลงทุนทั้งหมด

จุดแข็งของทาง Lombard Odier คือเรื่อง Discretionary Portfolio Management โดยเน้นไปที่ลูกค้าเป็นหลักว่าสามารถรับความเสี่ยงในระดับไหน นอกจากนั้นทาง Lombard Odier ยังดูสภาพปัจจัยภายในและภายนอก เช่น เรื่องของภาษี ความเสี่ยงที่ลูกค้ารับได้ ฯลฯ เพื่อมาประกอบการตัดสินใจ ทำให้การวางแผนจัดสรรการลงทุนให้กับลูกค้าทำได้อย่างถูกต้อง และสิ่งที่สำคัญ คือ ลูกค้าเข้าใจได้โดยง่าย

จิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ Private Banking Business Group Head ของ KBank กล่าวว่า สิ่งที่ลูกค้า KBank Private Banking จะได้รับ คือคำแนะนำการลงทุนที่สามารถจัดสรรพอร์ตการลงทุนได้อย่างถูกต้อง และตรงกับความต้องการของลูกค้า ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่าง Lombard Odier กับ KBank Private Banking

มองโลกในมุมที่แตกต่างด้วยความเป็นอิสระ

ปัญหาใหญ่ของ Private Bank ต่างชาติส่วนใหญ่ มักจะมีหุ้นของบริษัทซื้อขายกันในตลาดหลักทรัพย์ ฉะนั้นสิ่งแรกที่ต้องคิดคือผลกำไร แต่ทาง Lombard Odier ไม่ได้เป็นบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ดังนั้นจึงสามารถโฟกัสกับการลงทุนที่แตกต่างได้มากกว่า แข็งแกร่งและมีความฉับไวในเรื่องของการลงทุนมากกว่า

ความเป็นอิสระ สามารถเลือกมิติของการลงทุนได้มากกว่าไม่ว่าจะเป็นระยะสั้น หรือแม้แต่ระยะยาว ลูกค้าของทาง KBank Private Banking จะได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญทางด้านการลงทุนได้แบบเหมือนคนรู้ใจ

และที่สำคัญไปกว่านั้น Patrick Odier ยังได้กล่าวว่าลูกค้านั้นเป็นเหมือนกับหุ้นส่วนกันมากกว่า ซึ่งจะแตกต่างกับ Private Bank เจ้าอื่นๆ ที่มองว่าลูกค้าคือลูกค้า

มองการลงทุนในธุรกิจยั่งยืน ให้ผลตอบแทนที่ดี

Patrick Odier ได้พูดถึงเรื่องของการลงทุนแบบ ESG (E คือ สิ่งแวดล้อม S คือ สังคม G คือ ธรรมาภิบาล) ว่าผลตอบแทนของบริษัทที่เน้นความยั่งยืนเหล่านี้ให้ผลตอบแทนดีมากในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่ระยะเวลาสั้นๆ ก็ตาม

อีกหนึ่งแนวทางการลงทุนใหม่ๆ คือ Green Bond คือหุ้นกู้หรือไม่ก็พันธบัตรัฐบาลที่เน้นลงทุนในเรื่องของพลังงานสะอาด และยังได้ผลประโยชน์ทางภาษีด้วย ซึ่งตลาดของ Green Bond กำลังเติบโตอย่างมาก เฉลี่ยมากกว่า 100% ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งแน่นอนว่าลูกค้า KBank Private Banking จะได้รับทางเลือกใหม่ๆ ในการลงทุนนี้เช่นกัน

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา