ในช่วงปีที่ผ่านมาวาณิชธนกิจในเอเชียนั้นมีรายได้ค่าธรรมเนียมจากการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยกู้ร่วม พาบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ ควบรวมกิจการ ฯลฯ แต่ปีนี้นั้นกลายเป็นว่ารายได้ของเหล่าวาณิชธนกิจลดลงเพราะแรงกดดันจากประเด็นหลักๆ คือสงครามการค้า
ข้อมูลจาก Dealogic ได้รายงานว่าวาณิชธนกิจในเอเชียกำลังประสบปัญหารายได้ที่ลดลงอย่างมากในช่วงที่ปีนี้ โดย 5 เดือนแรกที่ผ่านมา วาณิชธนกิจมีรายได้ค่าธรรมเนียมรวมกันแล้วอยู่ที่ 4,620 ล้านเหรีญสหรัฐ ลดลงจากเดิมในช่วงปีที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ 5,220 ล้านเหรียญสหรัฐ
ปัญหาจากสงครามการค้าและอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น
สาเหตุที่รายได้ลดลงเกิดจากความไม่แน่นอนของเรื่องสงครามการค้า ทำให้บริษัทต่างๆ นั้นเกิดความไม่มั่นใจในตลาดหุ้นเพราะความผันผวนสูงจากเรื่องวาทะจีนและสหรัฐ แถมในช่วงที่ผ่านมาทางธนาคารกลางของสหรัฐได้ขึ้นดอกเบี้ยทำให้เกิดการชะลอในการทำธุรกรรมกับเหล่าวาณิชธนกิจทั้งหลายในเอเชีย
นอกจากนั้นแรงกดดันยังลามไปถึงเรื่องของตลาดตราสารหนี้ด้วย โดยผลสำรวจผู้จัดการกองทุนของ Bank Of America Merrill Lynch ได้พบว่าผู้จัดการกองทุนนั้นลดสัดส่วนในการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ในเอเชียด้วย ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี
เรื่องในจีนด้วย
แม้แต่การควบรวมกิจการของต่างประเทศที่ลดลง โดยเฉพาะในประเทศจีนทำให้วาณิชธนกิจนั้นรายได้ลดลงมหาศาล เนื่องจากทางการจีนนั้นห้ามไม่ให้กิจการจีนซื้อกิจการต่างประเทศที่ไม่ส่งเสริมกับกิจการในประเทศ ซึ่งเราจะเห็นได้จาก 4 บริษัทใหญ่ของจีนที่โดนห้ามไม่ให้ซื้อกิจการในต่างประเทศเหมือนในอดีต จนต้องพยายามลดการลงทุนในต่างประเทศลงมา
ยังรวมไปถึงเรื่องของทางการสหรัฐและยุโรปที่จับตาการซื้อกิจการของบริษัทจีนในสหรัฐ ทำให้จำนวนการควบรวมกิจการในเอเชียลดลง โดยเฉพาะในประเทศจีน ทำให้รายได้ของวาณิชธนกิจหายไป
ที่มา – Financial Times
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา