ตลาดเครื่องดื่ม เป็นหนึ่งในตลาดที่มีการแข่งขันสูงมากในทุกเซ็กเม้นต์ โดยในกลุ่มเครื่องดื่ม นอน-แอลกอฮอล์ที่เกาะกระแสสุขภาพได้ดีคือ น้ำผลไม้ โดยเฉพาะน้ำผลไม้ 100% แต่จะชูดจุดขายเรื่องเพื่อสุขภาพเพียงอย่างเดียว ก็ดูเหมือนจะไม่เพียงพอแล้ว เพราะทุกแบรนด์ก็ทำเหมือนกันหมด
ทิปโก้ ซึ่งเป็นเจ้าตลาดน้ำผลไม้ 100% อยู่แล้ว ก็เลยจัดการเสริมความเป็น Beauty เข้ามาให้ชัดมากขึ้น โดยการผสม Collagen เข้ามาในน้ำผลไม้ 100% เพื่อให้มีคุณสมบัติในการดูแลผิวพรรณให้กับสาวๆ เนื่องจาก ทิปโก้ ได้ทำการสำรวจความต้องการผู้บริโภค ให้ความเห็นตรงกันว่า น้ำผลไม้ 100% ต้องได้ประโยชน์ทั้ง Healthy และ Beauty
ความยากอยู่ที่การผสม Collagen กับ น้ำผลไม้ 100%
เอกพล พงศ์สถาพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทิปโก้ เอฟแอนด์บี จำกัด บอกว่า ข้อจำกัดของน้ำผลไม้ 100% คือ ต้องเป็นน้ำผลไม้ 100% จะใช้น้ำตาลผสมไม่ได้ จะใช้สารให้ความหวานอื่นผสมก็ไม่ได้ ต้องเป็นน้ำตาลจากตัวผลไม้นั้นเอง และการใส่ Collagen สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญคือ รสชาติน้ำผลไม้ เพราะต่อให้มีประโยชน์แค่ไหน ถ้าไม่อร่อย ผู้บริโภคก็ไม่ซื้อ เทียบกับน้ำผลไม้ 40% ง่ายกว่าเยอะ เพราะสามารถปรุงรสเพิ่มเติมได้
สุดท้ายจากการวิจัยและพัฒนา ทิปโก้ เลือกผลไม้ 3 ชนิด คือ ส้ม, ทับทิม และ อโลเวร่า (ว่านหางจระเข้) ซึ่งเป็นผลไม้ที่ให้วิตามิน C สูง เมื่อผสมกับ Collagen แล้ว ยังคงรสชาติความอร่อยไว้ได้ รวมถึง ทิปโก้ เป็นแบรนด์เดียวที่มีแหล่งผลิตอโลเวร่าเป็นของตัวเอง ทำให้สามารถควบคุมการผลิตได้มีคุณภาพ
และผลิตภัณฑ์ใหม่ในชื่อ ทิปโก้ พลัส คอลลาเจน ทั้ง 3 รสชาติ จะเป็นสินค้านำร่องเพื่อดูผลตอบรับจากผู้บริโภค ถ้าเป็นไปในทิศทางที่ดี ก็เป็นไปได้ที่จะมีรสผลไม้อื่นๆ ตามออกมา
ตลาดน้ำผลไม้ยังไปได้ดี เตรียมเปิดผลิตภัณฑ์ใหม่ 2 ตัวปลายปีนี้
เอกพล บอกว่า ตลาดน้ำผลไม้รวมมีมูลค่า 14,000 ล้านบาท อัตราการเติบโตเล็กน้อย ซึ่งพฤติกรรมผู้บริโภคในประเทศไทย ดื่มน้ำผลไม้เพื่อความสดชื่นเป็นหลัก มีปริมาณการบริโภคเฉลี่ย 4 ลิตร ต่อคน ต่อปี ไม่ได้ดื่มเป็นประจำเหมือนต่างประเทศ และเป็นประเทศที่มีผลไม้ให้กินตลอดทั้งปีด้วย เมื่อเทียบกับ ยุโรปและอเมริกาแล้ว มีปริมาณการบริโภค 20-40 ลิตร ต่อคน ต่อปีดังนั้นตลาดต่างประเทศจึงหวือหวากว่ามาก
หากดูเฉพาะตลาดน้ำผลไม้ 100% มีมูลค่าประมาณ 4,500 ล้านบาท อัตราเติบโต 3-5% ต่อปี ซึ่ง ทิปโก้มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 50% โดยทิปโก้มีรายได้รวมทั้งปีประมาณ 3,300 ล้านบาท มีสัดส่วน 70% จากน้ำผลไม้ 20% จากน้ำดื่มออร่า และ 10% จากชาพร้อมดื่ม
สำหรับในปีนี้ ทิปโก้ เปิดตัวผลิตภัณฑ์ไปแล้วทั้งหมด 4 ตัว คือ น้ำมะพร้าว, ทรอปิคอล ดีไลท์, น้ำผักสำหรับตลาดต่างจังหวัด และล่าสุด ทิปโก้ พลัส คอลลาเจน และปลายปี จะมีเปิดตัวใหม่อีก 2 ผลิตภัณฑ์ ซึ่งยังเน้นอยู่ในกลุ่มน้ำผลไม้ ซึ่งเป็นธุรกิจที่ทิปโก้มีความเชี่ยวชาญ ซึ่งการออกสินค้าใหม่ จะเป็นการเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ สร้างความหลากหลายให้ตลาด
ทุ่มงบตลาด 100 ล้านบาท ดึง ใหม่ ดาวิกา โฮร์เน่ เป็นพรีเซ็นเตอร์
ทิปโก้ พลัส คอลลาเจน เป็นการเพิ่มจุดเด่นของผลิตภัณฑ์โดยเน้นด้าน Beauty มากขึ้น ดังนั้น ทิปโก้ จึงเตรียมงบตลาด 100 ล้านบาท เพื่อสร้างการรับรู้ให้เกิดขึ้น จับกลุ่มเป้าหมายอายุ 25 ปีขึ้นไป ซึ่งห่วงใยสุขภาพและผิวพรรณ ใช้แคมเปญการตลาด “ดื่มแล้วยัง” ผ่านทั้งออฟไลน์ และออนไลน์ และวางจำหน่ายในทุกช่องทางเพื่อให้เข้าถึงได้ง่ายที่สุด โดยมี 2 ขนาด คือ 200 มล. ราคา 20 บาท และ 1 ลิตร ราคา 79 บาท
ถ้าถามว่า ทิปโก้ พลัส คอลลาเจน มีอะไรใหม่ ก็ต้องบอกว่า มีใหม่ ดาวิกา เป็นแบรนด์พรีเซ็นเตอร์ สะท้อนภาพเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและผิวพรรณ ตอกย้ำว่า “ดื่มทิปโก้ พลัส คอลลาเจน แล้วยัง (Young) ไม่มีวันเปลี่ยน”
สรุป
น้ำผลไม้ เป็นเครื่องดื่มประเภท Functional Drink คือเน้นประโยชน์ที่ได้รับคือ สุขภาพ การเพิ่ม Collagen เข้าไป ทำให้ได้ประโยชน์เรื่องของผิวพรรณเพิ่มขึ้น และยังได้เรื่องของ Emotional หรือความรู้สึกด้วย จากที่ก่อนหน้านี้เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของ Collagen หลายแบรนด์มียอดขายที่ดี และเติบโตอย่างรวดเร็ว ก็ไม่แน่ว่าจากนี้ไป ทิปโก้ จะกระโดดลงไปขอเอี่ยวกับตลาดนี้ด้วยอีกแบรนด์
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา