Andreessen Horowitz บริษัทลงทุน Venture Capital ชื่อดังจากสหรัฐอเมริกา เจ้าของผลงานลงทุนใน Facebook, Skype, Twitter แล้วเข้าเป้า กำลังเริ่มหันมาสนใจตลาดสตาร์ตอัพในเอเชียแล้ว
Andreessen Horowitz เป็นบริษัทลงทุน VC หน้าใหม่ที่ก่อตั้งในปี 2009 โดยผู้ก่อตั้งคือ Marc Andreessen อดีตผู้ก่อตั้งเว็บเบราว์เซอร์ Netscape ร่วมกับ Ben Horowitz ผู้ก่อตั้งบริษัทซอฟต์แวร์บนกลุ่มเมฆรุ่นแรกๆ Opsware ที่ขายบริษัทให้ HP ด้วยมูลค่า 1.6 พันล้านดอลลาร์
Andreessen Horowitz หรือที่บางคนเรียกชื่อย่อว่า a16z (ขึ้นต้นด้วย a ตามด้วยตัวอักษร 16 ตัวก่อนจบด้วย z) โด่งดังมาจากการลงทุนในสตาร์ตอัพรุ่นใหม่ๆ ถูกตัว เช่น Groupon, Instagram, Oculus บวกกับการสื่อสารผ่านช่องทางหลายรูปแบบ ทั้งบล็อกและโซเชียล ทำให้บริษัทผงาดขึ้นมาเป็น VC แถวหน้าของซิลิคอนวัลเลย์ ร่วมกับ VC ที่ดังที่อยู่มานานอย่าง Sequoia, Benchmark Capital, Accel Partners และ KPCB ได้ไม่ยาก
ที่ผ่านมา Andreessen Horowitz เน้นการลงทุนเฉพาะในสหรัฐอเมริกาเป็นสำคัญ (จะว่าไปคือเน้นที่ภูมิภาคแถบซานฟรานซิสโกด้วย) แต่ล่าสุด Jeff Jordan หนึ่งในหุ้นส่วน (พาร์ทเนอร์) ของ a16z ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Nikkei Asian Review ของญี่ปุ่น ระบุว่าบริษัทเริ่มหันมามองสตาร์ตอัพในทวีปเอเชียแล้ว
Jeff Jordan ยอมรับว่าการไปลงทุนต่างถิ่นย่อมมีกำแพงหลายอย่าง แค่การเดินทางไปประชุมบอร์ดของบริษัทที่ไปลงทุนก็ต้องเสียเวลาเดินทางเป็นวัน อย่างไรก็ตาม การบูมของวงการสตาร์ตอัพในเอเชีย และเริ่มมีบริษัทระดับโลกผุดขึ้นมาจากเอเชีย ส่งผลให้ a16z ต้องปรับตัว และหันมาทุ่มเวลาให้กับตลาดเอเชียมากขึ้น ตอนนี้บริษัทมีทีมภายในที่ดูเรื่องจีนโดยเฉพาะ และทีมผู้ก่อตั้งก็เดินทางมายังญี่ปุ่นกันบ่อยขึ้น
Jordan ยกตัวอย่างแอพแชท Tencent ของบริษัท WeChat ว่าเป็นนวัตกรรมล้ำสมัย และเปลี่ยนแปลงวิธีคิดหลายอย่างในโลกแห่งการแชทไปอย่างสิ้นเชิง เขายังกล่าวถึงผู้ก่อตั้งบริษัทแถวหน้าในเอเชีย อย่าง Jack Ma (Alibaba), Hiroshi Mikitani (Rakuten), Victor Koo (Youku) ว่าเป็นผู้ประกอบการระดับโลก และคนเหล่านี้กำลังเพิ่มขำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ
แม้ว่าความสนใจในเอเชียของ a16z ยังเพิ่งเริ่มต้น และบริษัทก็ดูจะระมัดระวังในการขยายมายังเอเชียพอสมควร (ยังไม่ได้มาลงทุนอะไร) แต่ก็เป็นสัญญาณอันดีว่า VC ระดับแถวหน้าของโลก เริ่มให้ความสนใจกับภูมิภาคนี้แล้ว
ข้อมูลจาก Nikkei Asian Review
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา