Sizzler เดินเกมใช้พรีเซ็นเตอร์ครั้งแรก ปรับแบรนด์แก่ให้เข้าถึงวัยรุ่น

กลายเป็นความท้าทายรอบด้านของ Sizzler ที่มีการปรับใหญ่ทั้งรีโนเวทร้าน ลดราคาอาหาร รวมถึงการปรับภาพลักษณ์แบรนด์ให้ทันสมัย จับกลุ่มวัยรุ่นมากขึ้น ทำให้มีการใช้พรีเซ็นเตอร์เป็นครั้งแรก ดึงเอา “น้องมายู” จับกลุ่มครอบครัว และ “ต่อ ธนภพ” จับกลุ่มคนรุ่นใหม่

ใช้พรีเซ็นเตอร์ครั้งแรกในรอบ 30 ปี

ในช่วงปลายปีที่ผ่านมาถือเป็น Big Change ครั้งใหญ่ของ Sizzler ที่มีการปรับยกเครื่องครั้งใหญ่ทั้งบรรยากาศร้าน เมนูอาหาร ดัมพ์ราคาอาหารลงในหลายเมนู เพื่อรับกับการแข่งขันในตลาดที่ดุเดือดอยู่ตลอด

ส่งผลให้การปรับตัวครั้งนี้ได้ผลตอบรับที่ไม่เลวเลยที่เดียว เพราะสามารถสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นได้ 4% และได้จำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้น 20%

แต่โจทย์ใหญ่ของ Sizzler ในวันนี้ไม่ใช่แค่การกระตุ้นยอดขายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่รวมไปถึงการสร้างแบรนด์ควบคู่ไปด้วย เพราะ Sizzler เป็นแบรนด์ที่ไม่ได้แก่ แต่ก็ไม่ได้สดใหม่เท่าไหร่ เพราะทำตลาดมาเกือบ 30 ปี กลุ่มลูกค้าหลักส่วนใหญ่เป็นกลุ่มครอบครัว และคนวัยทำงานในสัดส่วน 60% กลุ่มผู้ใหญ่อายุ 45 ปีขึ้นไป 20% และกลุ่มวัยรุ่นเพียงแต่ 18-20% เท่านั้น

น้องมายุ ลูกสาวของ หนุ่ม กรรชัย

ทำให้ Sizzler ทำการเปิดโหมดใช้ “พรีเซ็นเตอร์” เป็นครั้งแรก เริ่มต้นที่ “น้องมายู” เป็นพรีเซ็นเตอร์ในเมนูโปรโมชั่นมักกะโรนีแอนด์ชีสที่วางจำหน่ายช่วงต้นปี จากนั้นได้กระแสตอบรับดีจึงต่อยอดเป็นเมนูคอร์นชีส ฟองดูว์ พร้อมกับดึง “ต่อ ธนภพ ลีรัตนขจร” เป็นพรีเซ็นเตอร์

โดยให้น้องมายูเป็นตัวแทนของกลุ่มครอบครัว และต่อ ธนภพเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ เพราะต้องการขยายฐานคนกลุ่มนี้ใหม่มากขึ้น มีการทำโฆษณาด้วยการสร้างกิมมิคให้ต่อเป็น MC เพลงแร็พที่กำลังนิยมในขณะนี้ด้วย

นงชนก สถานานนท์ ผู้ช่วยรองประธานบริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท เอส แอล อาร์ ที จำกัด (ซิซซ์เลอ่ร์) กล่าวว่า

“เมื่อปลายปีที่ผ่านมาได้มีการปรับแบรนด์ในหลายๆ มิติเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้มากขึ้น ไฮไลต์คือการลดราคาสลัดบาร์เหลือ 139 บาท ซึ่งเมนูนี้เป็นส่วนสำคัญในการดึงลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ เข้าร้าน ให้เข้ามาทดลองทาน จึงมีการเลือกใช้พรีเซ็นเตอร์เข้ามาเพื่อให้ภาพลักษณ์แบรนด์ดูชัดขึ้น ไม่ใช่แค่กลุ่มครอบครัว แต่เป็นกลุ่มวัยรุ่นด้วย ซึ่งลูกค้ากลุ่มเดิมไม่ได้หายไป แต่โตไปเรื่อยๆ โจทย์ของเราคือต้องการหาลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มเข้ามา”

โดยในปีนี้มีการใช้งบการตลาดรวม 200 ล้านบาท รวมการทำโปรโมชั่นด้วย มีการใช้กับสื่อดิจิทัลมากขึ้น คิดเป็นสัดส่วน 30% จากเดิมมีการใช้ 25%

สร้างสีสันด้วยเมนู Seasonal

โดยปกติ Sizzler จะมีการทำเมนูโปรโมชั่นใหม่ๆ ในทุกๆ ไตรมาส มีระยะเวลา 3 เดือน ใน 1 ปีจะมี 4 เมนูใหญ่ๆ ในปีนี้ก็ยังคงจำนวนเท่าเดิม แต่จะเน้นสีสันใหม่ๆ มากขึ้น ดูตามกระแสนิยมของผู้บริโภค อย่างเมื่อปลายปีที่แล้วเป็นกระแสของไก่ทอดเกาหลี

เมนูล่าสุดอย่างคอร์นชีส ฟองดูว์ ก็เห็นว่าวัยรุ่นชื่นชอบชีสมาก จึงนำมาทำเป็นเมนูพิเศษ ซึ่งการทำเมนูเหล่านี้จะช่วยสร้างฐานลุกค้าใหม่ และกระตุ้นการเข้าร้านให้ถี่มากขึ้น โดยปกติมีการเข้าร้านเฉลี่ย 2 ครั้ง เพิ่มขึ้นเป็น 2.5 ครั้ง

สรุป

ถือเป็นการปรับตัวรอบด้านของ Sizzler ที่ยกเครื่องทั้งการสร้างแบรนด์ และบรรยากาศร้าน เพราะด้วยการแข่งขันในยุคนี้ดุเดือดจริงๆ ไม่ได้แข่งแค่ในกลุ่มเดียกวัน แต่ต้องแข่งกับร้านอาหารอื่นๆ ที่จะแย่งกระเพาะจากผู้บริโภคได้ ทำให้ Sizzler เองต้องปรับกลยุทธ์ใหม่ๆ เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคให้มากขึ้น

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา