“ตอนนี้ยังไม่ได้นอนเลยจะสิบโมงเช้า” กลายเป็นเพลงฮิตของหลายคน แต่คงไม่ใช่กับเจ้าของร้าน 7-Eleven แห่งหนึ่งที่ญี่ปุ่น เพราะเขาไม่ได้นอนติดต่อกัน 50 ชม. หลังสำนักงานใหญ่ไม่ให้ปิดร้าน แม้ตอนนั้นมีพายุหิมะรุนแรง
เรื่องจะไม่เกิดถ้า 7-Eleven ยอมให้ปิดร้าน
การทำงานต่อเนื่อง 50 ชม. ของเจ้าของร้าน 7-Eleven แห่งหนึ่งในจังหวัดฟุคุอิ ประเทศญี่ปุ่นเกิดขึ้นจากในวันที่ 7 ก.พ. มีพยากรณ์อากาศว่าจะมีพายุหิมะรุนแรงเข้ามาโจมตีในตัวจังหวัด ทำให้เจ้าของร้านคนนั้นได้แจ้งไปยัง 7-Eleven สำนักงานใหญ่ เพื่อขอปิดร้านในช่วงเวลาดังกล่าว เพราะกลัวลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการจะได้รับอันตราย
แต่คำตอบที่ได้รับกลับมาคือ บริษัท Seven-Eleven Japan ปฏิเสธการปิดร้านในช่วงเวลาดังกล่าว แถมบอกว่าถ้าลูกค้าเกิดอุบัติเหตุก็มีประกันคุ้มครอง ทำให้เจ้าของร้านคนนั้นต้องเร่งตักหิมะที่ตกมาอย่างหนักตั้งแต่เย็นวันที่ 6 ก.พ. จนถึงเช้าวันที่ 8 ก.พ. หรือรวม 50 ชม. โดยไม่ได้พักนอนหลับแต่อย่างใด เพราะต้องเตรียมรับบริการลูกค้า
ถ้านึกไม่ออกว่าช่วงนั้นหิมะตกหนักเป็นอย่างไรบ้าง จะเล่าให้ฟังว่าในวันที่ 7 ก.พ. มีหิมะตกลงมาหนาถึง 147 ซม. หนักที่สุดนับตั้งแต่ปี 2522 มีผู้เสียชีวิตจากภัยธรรมชาติดังกล่าวถึง 12 คน และสร้างความเสียภายให้กับบ้านเรือนกว่า 1,000 หลังคา รวมถึงรถยนต์อีกประมาณ 1,500 คันด้วย
สำหรับเหตุการณ์นี้ถูกเปิดเผยโดยประธานสหภาพเจ้าของร้าน 7-Eleven ในประเทศญี่ปุ่น เพราะรู้สึกข้องใจกับการบริการงานของบริษัท Seven-Eleven Japan ที่ทำให้เจ้าของร้านไม่ได้หลับไม่ได้นอนถึง 50 ชม. ทั้งๆ ที่ควรจะต้องปิดร้าน รวมถึงภรรยาของเจ้าของร้านดังกล่าวก็ป่วยไม่สบาย
หนำซ้ำเจ้าหน้าที่ที่สำนักงานใหญ่ส่งเข้ามาตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าวแค่เพียงไม่กี่ชม. แล้วก็กลับไป อย่างไรก็ตามเมื่อเรื่องแดงขึ้นมา บริษัท Seven-Eleven Japan ก็ไม่นิ่งนอนใจ พร้อมเข้าไปตรวจสอบเหตุการณ์นี้อย่างจริงจังว่าทำไมถึงเกิดขึ้น พร้อมกับแจ้งข้อความว่า
“ภายใต้กฎการเปิดให้บริกาของเจ้าของราน 7-Eleven ทุกรายนั้นระบุว่า พวกเขาควรตัดสินใจได้เองว่าจะเปิดให้บริการภายใต้สถานะการณ์ที่มีภัยธรรมชาติ หรือสัญญาณอันตรายอื่นๆ หรือไม่ นอกจากนี้เราก็ให้คู่มือกับพวกเขาไปแล้วว่าต้องบริหารจัดการอย่างไรเมื่อมีภัยธรรมชาติเข้ามา”
สรุป
ถือเป็นอีกบททดสอบการใช้ Risk Management ของบริษัท Seven-Eleven Japan เพราะไม่ว่าเหตุการณ์นี้จะจบลงอย่างไร ภาพลักษณ์ของ 7-Eleven ในประเทศญี่ปุ่นก็จะดูเป็นด้านไม่ค่อยดีเท่าไรในทันที ทำให้การฟื้นภาพลักษณ์กลับมาจำเป็นที่สุด ว่าแล้วก็อยากให้สาขาที่ญี่ปุ่นลองมาศึกษาเรื่องนี้ในประเทศไทยบ้างว่าเขาจัดการอย่างไร
อ้างอิง // Japan Today
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา