สลัดคราบแบรนด์เชย! รองเท้า “บาจา” ยกเครื่องดีไซน์-กลยุทธ์ ติดสปีดยอดขายโต

“บาจา” (Bata) ทำตลาดรองเท้าไทยมาตั้งแต่ปี 2493 และความเก่าแก่นี้ก็สร้างความเชื่อมั่นในเรื่องคุณภาพ แต่มันก็ทำให้ดูไม่ทันสมัยด้วย ซึ่งจากนี้มันจะไม่เป็นอย่างนั้นแล้ว หลังบาจายกเครื่องใหม่ทั้งหมดเพื่อสร้างความยั่งยืน

Red Label รองเท้าที่บาจาออกแบบร่วมกับแบรนด์ ALDO

จะเน้นแค่สวมใส่สบายไม่ได้อีกต่อไป

การจะยืนอยู่ในประเทศไทยได้เกือบ 90 ปีไม่ได้มาเพราะโชคช่วยแน่ๆ เพราะต้องยอมรับว่า “บาจา” เป็นรองเท้าอีกแบรนด์ที่เน้นเรื่องการสวมใส่สบาย และมีราคาที่เอื้อมถึงได้ทุกระดับ แต่ด้วยปัจจุบันตัวเลือกรองเท้าของผู้บริโภคนั้นมีมากกขึ้น ประกอบกับ “แฟชั่น” ก็เริ่มเป็นอีกตัวแปรสำคัญในการเลือกซื้อ ทำให้ Bata ต้องปรับตัวมากขึ้น

เปาโล แกรสซี ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท บาจา (ประเทศไทย) จำกัด เล่าให้ฟังว่า ปกติแล้ว บาจาแทบจะไม่ลงไปแข่งขันในสงครามราคาของตลาดรองเท้า เพราะค่อนข้างเชื่อมั่นในคุณภาพ และความเหมาะสมของราคาที่ตั้ง แต่ด้วยพฤติกรรมการซื้อสินค้าของผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยน การจะไม่ให้ปรับตัวใดๆ เลยก็คงจะไม่ได้

เปาโล แกรสซี ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท บาจา (ประเทศไทย) จำกัด

“เราต้องเดินหน้าผสานความสวมใส่สบาย และมีดีไซน์ที่เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคทุกกลุ่ม ซึ่งเราก็คล้ายๆ กับแบรนด์ Prada ที่สำเร็จได้เพราะเอาเรื่อง Comfortable มาใส่ในแฟชั่น ดังนั้นเราจะไม่ได้ไปแฟชั่นจ๋า แต่จะเก็บ Core Value เรื่องการสวมใส่สบาย, ราคาเข้าถึงได้ และออกแบบตามยุคสมัยเอาไว้เหมือนเดิม”

ปรับภาพลักษณ์ให้ซื้อเพราะสินค้าสวย

ถึงแม้รองเท้าบาจาจะโดดเด่นเรื่องความทนทาน ทำให้ผู้บริโภคติดอยู่ในความคิดว่า หากรองเท้าเสียก็ต้องมาซื้อกับแบรนด์นี้ ดังนั้นการจะได้ลูกค้าใหม่ๆ ก็ยากกว่าเดิม ทำให้บริษัทต้องพยายามดึงดูดลูกค้าให้ซื้อสินค้าเพราะมันสวยด้วย โดยเฉพาะกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มองปัจจัยนี้เป็นเรื่องสำคัญ

รองเท้าบาจาที่ออกแบบใหม่

ทำให้บาจาต้องเดินหน้าลงทุนทำตลาดทั้งในช่องทาง Online-Offline ประกอบด้วยการขยายสาขาอีก 13-15 แห่ง จากเดิม 25 แห่งทั่วประเทศ เพื่อใกล้ชิดกับผู้บริโภคมากกว่าเดิม โดยหนึ่งในนั้นจะเป็นหน้าร้านรูปแบบใหม่ที่จะเน้นให้ประสบการณ์ในการเลือกซื้อสินค้าที่ดีกว่าเดิม

“ตัว Online เราก็มีการทำตลาดที่หลากหลาย เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ที่เป็น Millennial และมากกว่าการจำหน่ายรองเท้านักเรียน ไม่ว่าจะเป็นการออก Collection ที่ร่วมกับ Star Wars รวมถึงการร่วมกันออกแบบสินค้ากับ ALDO เพื่อให้ตัวรองเท้านั้นมีความเป็นแฟชั่นมากขึ้น ตอบโจทย์ทั้งชาย และหญิง”

รองเท้าบาจา Collection เจ้าหนูอะตอม กับ Star Wars

ไทยเป็นหนึ่งในประเทศหลักของธุรกิจบาจา

จากความเก่าแก่ และยอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทแม่ที่ประเทศอิตาลีให้ความสำคัญกับธุรกิจในประเทศไทยเป็นลำดับต้นๆ สังเกตจากการมีโรงงานผลิตรองเท้าในประเทศไทยที่มีกำลังผลิตถึง 8 แสนคู่/ปี (รองเท้านักเรียน 4.5 แสนคู่) และมีเอเย่นต์ค้าส่งถึง 346 ราย

สำหรับปีนี้ “บาจา” ตั้งเป้ายอดขายไว้เติบโตเป็นตัวเลขสองหลักจากปีก่อน ถือเป็นการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และหากกลยุทธ์คิดใหม่ทำใหม่ของแบรนด์สำเร็จไปด้วยดี ก็จะเป็นรากฐานในการทำตลาดในอนาคตอีกด้วย เพราะปัจจุบันมีการเปลี่ยนทีมงาน และการบริหารเพื่อนำคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานมากขึ้น

North Star และ Power สองสินค้า House Brand ของบาจา

อย่างไรก็ตามกลยุทธ์การออกแบบสินค้า และการปรับการตลาดให้ใช้ช่องทางออนไลน์มากขึ้นไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในประเทศไทยเท่านั้น แต่บาจาเดินกลยุทธ์นี้ทั่วโลก เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ รวมถึงสินค้า House Brand อื่นๆ เช่น Marie Claire, Bubblegummers, Power และ Bata Flexible เป็นต้น

สรุป

ถือว่าเป็นความเก่าแก่ของแบรนด์จริงๆ ที่ช่วยพยุงให้รองเท้า “บาจา” ยังครองใจผู้บริโภครุ่น Generation X ขึ้นไปได้ แต่ถ้าอยากเติบโตอย่างยั่งยืน การปรับตัวเองให้เน้นเรื่องการออกแบบ และการทำตลาดให้ใหม่กว่าเดิม ก็น่าจะทำให้รองเท้าต้นกำเนิดจากอิตาลีแบรนด์นี้อยู่ในประเทศไทย และตลาดโลกไปได้อีกนาน

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา