อาจเป็นข่าวใหญ่ของวงการยานยนต์เลยทีเดียว เมื่อ 2 พันธมิตรอย่าง Renault และ Nissan เจรจาในความเป็นไปได้ที่จะควบรวมกิจการกัน
แหล่งข่าวไม่ระบุตัวตนได้กล่าวกับทาง Bloomberg ว่าทางบริษัททั้ง Renault และ Nissan กำลังเจรจาถึงความเป็นไปได้ของการควบรวมกิจการระหว่างกัน แหล่งข่าวยังได้กล่าวต่อว่า การเจรจาในการควบรวมกิจการนี้มีการคุยมาได้ 2-3 เดือนแล้ว
โดยทั้ง 2 บริษัทนั้นได้เป็นพันธมิตรกันโดยทาง Renault ถือหุ้นใน Nissan อยู่ 43% และทาง Nissan ถือหุ้น Renault อยู่ 15% และใช้ประธานคนเดียวกันอย่าง Carlos Ghosn (ยังไม่นับถึงเรื่องของที่ Nissan ถือหุ้นใน Mitsubishi อีก 34%)
ถ้าหากการควบรวมกิจการครั้งนี้สำเร็จอาจเป็นจุดเปลี่ยนของอุตสาหกรรมยานยนต์เลยก็ได้ เพราะว่าบริษัทใหม่หลังควบรวมกิจการนั้นจะมียอดขายรถยนต์มากที่สุดในโลก ทิ้งห่าง Volkswagen และ Toyota ทันที
ทำอะไรใหม่ๆ ได้มากขึ้น
เป้าหมายของการควบรวมกิจการคือสามารถระดมสรรพกำลังโฟกัสทุ่มไปกับการผลิตรถยนต์พลังไฟฟ้าได้ และรวมไปถึงเรื่องของการร่วมกันใช้ทรัพยากรร่วมกัน และยังรวมไปถึงการประหยัดต่อขนาดด้วย ซึ่งนอกจากจะโฟกัสกับเรื่องรถยนต์พลังไฟฟ้าแล้ว รถยนต์ไร้คนขับก็เป็นอีกหนึ่งเป้าหมายเช่นกัน
ปัญหาใหญ่คือ “รัฐบาลฝรั่งเศส”
Janet Lewis นักวิเคราะห์จาก Macquarie มองว่า ขนาดของบริษัทในอุตสาหกรรมยานยนต์สำคัญมาก แต่ปัญหาเรื่องความกังวลหลักอยู่ที่รัฐบาลฝรั่งเศส ซึ่งทางรัฐบาลฝรั่งเศสถือหุ้น Renault อยู่ 15% เท่ากับทาง Nissan เช่นกัน ซึ่งขึ้นอยู่ว่ารัฐบาลฝรั่งเศสจะเอาด้วยในเกมนี้หรือไม่
ก่อนหน้านั้นทาง Reuters เคยเสนอข่าวว่าทาง Nissan สนใจที่จะซื้อหุ้นส่วนของรัฐบาลฝรั่งเศสที่ถืออยู่ 15% แต่สุดท้ายเรื่องนี้ก็เงียบลงไป
ยังไม่มีข้อสรุปที่แน่นอน
การเจรจาในเรื่องนี้นั้นมีปัจจัยหลายๆ เรื่องเข้ามาเกี่ยวข้องเยอะมาก ยกตัวอย่างเช่น เรื่องของสำนักงานใหญ่ ว่าจะอยู่ฝรั่งเศสหรือญี่ปุ่น หรือว่าทั้งสองที่ เป็นต้น และรวมไปถึงเรื่องสำคัญอย่างสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทใหม่อีกด้วย
สมมติว่าการเจรจาดำเนินไปได้ด้วยดีเราอาจได้เห็นแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์มีความสนุกขึ้นกว่าเดิมแน่นอน
ที่มา – Bloomberg
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา