แพลตฟอร์มวิดีโอ คือ สิ่งที่ AIS พยายามบุกตลาดมาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา เห็นได้จากการประกาศจับมือกับพันธมิตรต่างประเทศ เช่น HBO, Netflix หรือ VIU เพื่อดึงดูดให้คนไทยหันมาใช้ AIS PLAY และ AIS PLAYBOX กันมากขึ้น
แต่อีกหนึ่งการรุกตลาดคือ การถ่ายทอดสด LIVE Concert ที่มี AIS ทำเพียงรายเดียวในประเทศไทย เพื่อสร้างความแตกต่าง และยังเป็นการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมบันเทิงไปสู่ดิจิทัลในภาพรวมด้วย
จับมือพันธมิตร ทำ LIVE Concert ไม่ใช่เรื่องง่าย
ถ้ามองผ่านๆ การทำ LIVE Concert ดูไม่ใช่เรื่องยาก ก็แค่ถ่ายทอดสดคอนเสิร์ต มองย้อนกลับไปปีที่ผ่านมา AIS คุยเจรจากับพันธมิตรค่ายเพลง เพื่อชวนมาทำ LIVE Concert แน่นอนว่า มันเป็นเรื่องใหม่ ที่ไม่เคยมีมาก่อน เรียกว่า เปลี่ยนขนบธรรมเนียมปฏิบัติเดิมๆ เลย ต้องใช้พลังมหาศาลในการเปลี่ยนแปลง เพราะ ความคิดเดิมคือ คอนเสิร์ตต้องซื้อบัตรไปดู ถ้ามีให้ดู LIVE แล้วคนจะซื้อบัตรทำไม
แน่นอนว่า ตบมือข้างเดียว คงไม่ดัง ถ้าไม่ได้ความร่วมมือจากพันธมิตร ที่มองเห็นภาพเดียวกัน ถึงขนาดค่ายเพลงเบอร์เหนึ่งของประเทศอย่าง แกรมมี่ โดดลงมาลองสนามด้วยกันเป็นเจ้าแรก บอกเลยว่า ต้องมีวิสัยทัศน์ของความเป็นผู้นำที่ต้องการกำหนดตลาดใหม่ๆ จริงๆ ถึงกล้าทำสิ่งที่แตกต่าง กล้าที่จะเปลี่ยนเพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆ จากทรัพยากรที่มีอยู่ ใช้ดิจิทัลให้เกิดประโยชน์ต่อธุรกิจที่สุด และเกมนี้ ที่ AIS กับ แกรมมี่ ร่วมลงเรือลำเดียวกัน ลุยเบิกทางสายใหม่ด้วยกัน สามารถสร้างแรงกระเพื่อมให้กับอุตสาหกรรมเพลง และสร้างมาตรฐานใหม่ในการชมคอนเทนต์ให้กับคนไทย
นี่ด้วยวิธีคิดแบบ Disrupt อุตสาหกรรมบันเทิง คือ ทำให้คอนเสิร์ตกลายเป็นคอนเทนต์ดิจิทัล โดย AIS ได้ถ่ายทอด LIVE Concert ทั้งหมด 23 งานตลอดปีที่ผ่านมา มียอดคนดูรวม 5 ล้านวิว โดยคอนเสิร์ตที่มียอดผู้ชมสดสูงสุด อันดับ 1 คือ Big Mountain Music Festival 2018 อันดับ 2 คือ Urban Music Festival และ อันดับ 3 คือ Whitehaus 2 ผลที่ตามมาคือ บัตรคอนเสิร์ตขายดีมากขึ้น มีคนอยากไปสัมผัสบรรยากาศจริงมากขึ้น ขณะที่ช่องทางดิจิทัล ก็ทำให้เกิดเอ็กซ์คลูซีฟคอนเทนต์รูปแบบใหม่ที่แตกต่าง เปิดโอกาสในการเข้าถึงคน จากเดิมที่อาจมีอยู่หลักพันหลักหมื่น กลายเป็นหลักแสนหลักล้าน
สร้างความพิเศษด้วยเทคนิค Multi-Screen
คนไทยนิยมบริโภควิดีโออย่างมาก และสัดส่วน 80% เป็นคอนเทนต์บันเทิงในประเทศ เช่น ละคร, เพลง, คอนเสิร์ต, การแสดงต่างๆ ดังนั้น การ LIVE Concert จึงโดนใจคนไทยยุคนี้มาก เพราะได้ดูสดจริงๆ แบบเรียลไทม์ และเพิ่มเทคนิคพิเศษที่คิดมาเพื่อตอบโจทย์คอนเสิร์ตโดยเฉพาะ คือ Multi–Screen ดูได้ 3 จอพร้อมกัน โดยคนดูสามารถเลือกมุมกล้องที่ต้องการได้เอง ทำให้ยิ่งรู้สึกใกล้เคียงบรรยากาศจริงมากขึ้นไปอีก
ขยายพันธมิตรค่ายเพลง บูม Live Concert โต
จากผลตอบรับในปีที่ผ่านมา พิสูจน์แล้วว่า การ LIVE Concert ไม่ได้เป็นอุปสรรค หรือมาทดแทนการจัดคอนเสิร์ต แต่กลับเป็นการส่งเสริม เมื่อคนดูได้เห็นบรรยากาศทางหน้าจอแล้ว เกิดความรู้สึกร่วม อยากมาอยู่ในบรรยากาศจริงๆ ดูได้จากการขายบัตรคอนเสิร์ตที่ Sold out ในเวลารวดเร็ว หลายต่อหลายคอนเสิร์ตของแกรมมี่
ทำให้ล่าสุด AIS ประกาศความร่วมมือต่อเนื่องกับแกรมมี่ และมีค่ายซีเนริโอ, วอท เดอะ ดัก เพิ่มขึ้นมา และอีกหลายๆ ค่ายในอนาคต ซึ่งเตรียมขนงานแสดงมา LIVE กันตลอดทั้งปี
โดยเฉพาะ ซีเนริโอ ที่โดดเด่นเรื่องการแสดงโชว์ละครเวที, ละครเพลง ซึ่งต้องโชว์ความสามารถของนักแสดงแบบสดๆ บนเวที ตามปกติจะไม่มีการถ่ายทอดสด นี่จึงเป็นการ “เปลี่ยน” ความคิด Disrupt การแสดงบนเวทีด้วยความเป็นดิจิทัล แล้วพิสูจน์ให้เห็นว่า การทำ LIVE มีส่วนช่วยให้คนดูได้เห็น “คอนเทนต์” ในวงกว้างมากขึ้น
จากเดิมคนดูอาจจะลังเล ไม่รู้ว่าชอบหรือไม่ แต่พอได้ลองดู LIVE ก็ทำให้อยากไปดูของจริง เท่ากับเป็นการทำตลาด ขยายฐานคนดูไปพร้อมกัน ทำให้ยอดขายบัตรดีขึ้นกว่าเดิม
เร็วๆ นี้ มีข่าวดีสำหรับ “นุช” ที่ซื้อบัตรคอนเสิร์ต เป๊ก ผลิตโชค ไม่ทัน นอกจากจะได้ดู LIVE คอนเสิร์ตสด วันที่ 22 เม.ย. นี้ บน AIS PLAY แล้ว ยังฟินกับมุมกล้อง Behind the Scene ทั้งก่อนและหลังเริ่มคอนเสิร์ต สัมภาษณ์พิเศษ ให้ได้กรี๊ดกันมากกว่าเดิม ต่อด้วยเอ็กซ์คลูซีฟคอนเทนต์ของเป๊ก ในชื่อ Palit’s World จำนวน 10 ตอน หรือที่เรียกว่า Artist Content มาเอาใจเหล่าแฟนคลับโดยเฉพาะ
สรุป
คู่แข่งของ AIS PLAY คือแพลตฟอร์มวิดีโอระดับโลกอย่าง YouTube และ LIVE TV ซึ่งวันนี้การที่ทุกคนเข้าถึงโลกออนไลน์ตลอดเวลา ทำให้การแข่งขันในอุตสาหกรรมนี้ดุเดือดมาก และมุ่งเป้ามาสู้กันที่คอนเทนต์ จุดสำคัญที่จะทำให้ AIS งัดกับเบอร์ใหญ่ได้ คือความกล้าที่จะออกจากกรอบเดิมๆ และต้องตรงใจคนดู อย่างวันนี้ที่นำคอนเสิร์ตใหญ่ มาให้บริการเป็น Digital Content ที่ดูจากมือถือได้ ทำให้การ LIVE Concert กลายเป็นอีกหนึ่งเช็คลิสต์ที่ค่ายเพลงต้องนึกถึง! แสดงให้เห็นว่าในอนาคตแพลตฟอร์มนี้จะมีอะไรใหม่ๆ ที่เราคาดไม่ได้ถึงมาให้เห็นกันอีกแน่นอน และอย่างที่บอกไม่ได้จำกัดที่คอนเสิร์ตอีกต่อไป ซึ่งต้องมาติดตามกันว่าการรุกเดินเกมนี้ของเอไอเอส จะสะเทือนวงการวิดีโอแพลตฟอร์มอย่างไร
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา