Jamie Dimon และ Daniel Pinto สองผู้บริหารของทาง JPMorgan ได้มองว่าตลาดหุ้นอาจตกหนักๆ ภายใน 2-3 ปีนี้ และถ้าตกหนักๆ น่าจะลงลึกได้ถึง 40% และเขาได้ให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นที่กำลังร้อนฉ่าเช่นเรื่องของภาษีเหล็กและอลูมิเนียมด้วย
Daniel Pinto ซึ่งเป็นผู้บริหารของฝ่าย Corporate & Investment Bank ของทาง JPMorgan ซึ่งล่าสุดเขาได้แต่งตั้งขึ้นเป็นประธานร่วมกับทาง Jamie Dimon ซึ่งล่าสุดเขาให้สัมภาษณ์กับทาง Bloomberg โดยเขามองว่าตลาดหุ้นอาจตกภายใน 2-3 ปีนี้ และมองว่าถ้าตกอาจตกได้ถึง 20-40% จากจุดปัจจุบัน
เขามองว่านักลงทุน “ตื่นตระหนก” เกินไป
เขาได้เสริมอีกว่านักลงทุนมีปฏิกิริยาเกี่ยวกับเรื่องของธนาคารกลางจะขึ้นดอกเบี้ยและรวมไปถึงเรื่องของที่ผลตอบแทนพันธบัตรได้พุ่งขึ้นมา เนื่องจากกลัวเรื่องของเงินเฟ้อ โดยเขามองว่า “ตลาดหุ้นอาจมีร่วงลงลึกบ้างภายใน 2-3 ปีนี้” และเขาเสริมอีกว่า “ทุกคนๆ รู้อยู่แล้วว่าวันหนึ่งตลาดอาจต้องตกบ้าง” และในกรณีล่าสุดในเรื่องของที่ ปธน. ทรัมป์ประกาศที่จะเพิ่มภาษีเหล็กและอลูมิเนียมจากประเทศอื่นๆ ทำให้หุ้นร่วงหนักนั้น เขามองว่านักลงทุน “ตื่นตระหนกเกินไป”
Jamie Dimon มองว่าตลาดหุ้นอาจลงช่วงหลังจากปี 2019
ประธานของ JPMorgan อย่าง Jamie Dimon ก็ได้พูดทำนองเดียวกับทาง Daniel Pinto โดยเขามองว่า “ตลาดหุ้นในช่วงนี้ไม่น่าจะตกได้แรง ซึ่งยังดูโอเคอยู่” และรวมไปถึง “มันต้องมีสักวันที่ตลาดหุ้นต้องตกหนักแน่ๆ ซึ่งถ้าตลาดหุ้นจะตกหนักๆ น่าจะเป็นช่วงหลังปี 2019 ไปแล้ว”
ส่วนเรื่องของที่ทางปธน. ทรัมป์ประกาศที่จะเพิ่มภาษีเหล็กและอลูมิเนียม เขามองว่าเขานั้นไม่เห็นด้วย เพราะเรื่องนี้ส่งผลกระทบไปหมดทำให้กระทบการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและจะพากันแย่หมด และทำให้เรื่องของการลงทุนแย่ไปด้วย เขาได้เสริมอีกว่า เขามองว่าสิ่งทีสหรัฐได้เปรียบในขณะนี้คือเรื่องของการปฏิรูปภาษีของทางปธน. ทรัมป์
สรุป
มุมมองตลาดของ 2 ผู้บริหารจาก JPMorgan ซึ่งมองว่าตลาดหุ้นอาจตกได้แต่ไม่ใช่เร็วๆ นี้ แต่ประเด็นที่น่าสนใจคือเรื่องของทาง Jamie Dimon ได้กล่าวถึงเรื่องของปธน. ทรัมป์ประกาศที่จะเพิ่มภาษีเหล็กและอลูมิเนียม ซึ่งเขามองว่าจะทำให้การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจแย่ลงไปอีก เพราะเรื่องของการกีดกันทางการค้า ซึ่งเหมือนเป็นการกระทุ้งกลับไปที่ทำเนียบขาวอีกรอบ
ที่มา – Bloomberg, สัมภาษณ์เต็มๆ ของทาง Jamie Dimon
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา