Apple ลุยตลาดสมาร์ทโฟนในอินเดียมากว่า 10 ปี แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ส่วนแบรนด์จีนมากันทีหลัง กลับกวาดตลาดเรียบ อะไรเป็นอุปสรรคที่ทำให้ Apple ดันยอดขาย iPhone ในอินเดียไม่สำเร็จ?
แม้ว่า Apple จะทำตลาดสมาร์ทโฟนในอินเดียมานานกว่า 10 ปี แต่ก็ไม่สามารถเจาะตลาดในอินเดียได้สำเร็จ เพราะปัจจุบัน iPhone มียอดขายในอินเดียคิดเป็นสัดส่วนเพียง 2.5% เท่านั้น ในขณะที่อีกกว่า 80% ครอบครองโดยแบรนด์จีน ได้แก่ Xiaomi, Lenovo, Vivo และ Oppo และส่วนแบ่งที่เหลือเป็นของ Samsung ที่เพิ่งตกเป็นเบอร์ 2 ของตลาดอินเดียไปหมาดๆ
- บทความนี้จะพาไปดูกันว่า ปัจจัยอะไรที่ทำให้ Apple ตีตลาดสมาร์ทโฟนในอินเดียไม่สำเร็จ?
ราคา iPhone แพงเกินสู้ไหวนะนายจ๋า
พิษจากภาษีสมาร์ทโฟนของรัฐบาลอินเดียเป็นหนึ่งในปัจจัยหลัก เพราะถ้าไปดูราคาสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดของค่ายอย่าง iPhone X ในอินเดียสนนราคาที่ 1,450 ดอลลาร์ หรือประมาณ 45,000 บาท ในขณะที่ราคา iPhone X ในวันเปิดตัวอยู่ที่ 999 ดอลลาร์ หรือ 31,000 บาท หรืออย่างในไทยถ้าซื้อเครื่องเปล่าจาก Apple Store ราคาจะอยู่ที่ 40,500 บาท ถูกกว่าในอินเดียถึง 4,500 บาท (นี่ยังไม่นับรวม ถ้าซื้อกับค่ายโทรศัพท์มือถือที่จะพ่วงโปรโมชั่น และลดราคาค่าเครื่องให้ถูกลงอีก)
ไม่จบแค่นั้น ธุรกิจของ Apple ในตลาดสมาร์ทโฟนอินเดียหนักข้อขึ้นไปอีก เพราะล่าสุดเมื่อเดือนธันวาคมปี 2017 รัฐบาลอินเดียปรับขึ้นภาษีสมาร์ทโฟนจากเดิม 15% เป็น 20%
การแก้เกมของ Apple คือส่งสมาร์ทโฟนรุ่นล่างอย่าง iPhone SE มาทำตลาด ที่สำคัญคือผลิตในอินเดียเพื่อลดต้นทุน เพราะต้องการขายในราคาถูก รวมถึงดึงเอา iPhone 6s ที่ตกรุ่นแล้วมาทำตลาดอีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่า Apple ยังต้องทำมากกว่านี้ เพราะส่วนแบ่งในตลาดอินเดียปัจจุบันยังมีอยู่เพียงแค่ 2.5% เท่านั้น
Apple Maps ใช้งานไม่ได้ผลในอินเดีย
หนึ่งใน Pain Point สำคัญของคนอินเดียที่ใช้ Apple Maps คือใช้งานไม่ได้จริง
Mihir Sharma คนอินเดียที่ใช้งาน iPhone บอกว่า “Apple Maps ในอินเดียเป็นเรื่องตลก” เพราะแผนที่ของ Apple ผิดเพี้ยนไปหมด ไม่ว่าจะเป็นจุดสำคัญในเมือง สถานที่สำคัญ หรือเส้นทางในการจราจร และเอาเข้าจริง ปัญหานี้ไม่ใช่ว่า Apple จะไม่รู้ เพราะในช่วงหลายปีมานี้ได้ตั้งวิศวกรไอทีเพิ่มเข้าไปในอินเดียเพื่อเร่งแก้ไขและพัฒนา Apple Maps มาสักพักแล้ว แต่ถ้าไปถามคนอินเดียตอนนี้ว่า Apple Maps เป็นอย่างไร จะมีคนจำนวนไม่น้อยที่บ่นเป็นเสียงเดียวกันกลับมาว่า “ไม่เวิร์ค”
Siri ไม่เข้าใจสำเนียงของคนอินเดีย
ปัญหาต่อมาคือ Siri ผู้ช่วยที่ใช้การสั่งงานและโต้ตอบด้วยเสียงประจำเครื่อง iPhone ไม่เข้าใจสำเนียงคนอินเดีย
ปัญหานี้ Apple รับรู้ และพยายามแก้ด้วยการเพิ่มพจนานุกรมฮินดีและคีย์บอร์ดแบบฮินดีเข้าไปช่วย แต่ผู้ใช้งานยังรู้สึกว่าไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา ในขณะที่ปีที่แล้ว Alexa ผู้ช่วยอัจฉริยะของ Amazon บุกเข้าตลากอินเดีย หลายคนบอกว่า ใช้งานได้ดีกว่า Siri ของ Apple
Apple ยังสู้ต่อ ซีอีโอลงไปหนุนด้วยตัวเอง
ถ้าย้อนไปดูในปี 2012 Tim Cook ซีอีโอ Apple เคยบอกไว้ว่า แม้ว่าจะสนใจในการทำตลาดในอินเดีย แต่ตลาดยังเล็ก ขอไปโฟกัสธุรกิจที่ประเทศอื่นก่อน เพราะมีโอกาสมากกว่า
แต่เมื่อทิ้งอินเดียไปลุยที่อื่น ผ่านไป 4 ปี Apple เริ่มเฉยไม่ได้แล้ว เพราะอินเดียกลายเป็นตลาดสมาร์ทโฟนที่ใหญ่ขึ้นทุกวัน ในไตรมาส 3 ปี 2017 ยอดขายสมาร์ทโฟนในอินเดียคิดเป็นสัดส่วน 10% ของยอดขายทั้งโลก
ในปี 2016 Cook ถึงต้องลงไปดูงานด้วยตัวเอง ใช้เวลาอยู่ในอินเดีย 4 วันเพื่อพบปะผู้คนจากหลากหลายวงการ ทั้งการเมือง ธุรกิจ ไอที และบันเทิง พร้อมทั้งได้ประกาศสร้างศูนย์สำหรับนักพัฒนา iOS ในอินเดีย เพื่อสร้าง ecosystem ให้กับตลาดสมาร์ทโฟนของ Apple และที่สำคัญคือ ต้องใช้ความเป็น localize มาแข่ง ทั้งแผนที่ที่จะต้องพัฒนาให้สอดคล้องกับพื้นที่, Siri ที่เข้าใจสำเนียงคนถิ่น และราคาที่ต้องเอื้อมถึงได้
จากนี้จับตาดูกันต่อว่า การทำธุรกิจของ Apple ในอินเดียที่เป็นตลาดสมาร์ทโฟนเบอร์ 2 ของโลก (รองจากจีน) จะประสบความสำเร็จหรือไม่ในอนาคต ต้องติดตาม
อ้างอิง – CNBC, FirstPost, Bloomberg, 9to5Mac
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา