ไตรมาส 4 ปี 2017 คือไตรมาสทองของ Amazon รายได้ไตรมาสที่ผ่านมาเพียงไตรมาสเดียวพุ่งทะลุถึง 1,856 ล้านดอลลาร์ หรือถ้าคิดแบบเปรียบเทียบ เพียงไตรมาสเดียวทำกำไรได้เท่ากับที่ Amazon เคยทำธุรกิจมาถึง 14 ปีรวมกัน
ไตรมาส 4 ปี 2017 คือไตรมาสทองของ Amazon
Amazon เป็นบริษัทที่โชกโชนมาก หลังจากที่ได้ IPO ธุรกิจเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ในปี 1997 เริ่มต้นด้วยธุรกิจขายหนังสือออนไลน์ จนมาสู่ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซโลกที่มีมูลค่าตลาดกว่า 4.3 แสนล้านดอลลาร์
ถ้าใครซื้อหุ้นของ Amazon ไว้ตั้งแต่เริ่มเปิดกิจการ จนถึงวันนี้จะมีกำไรตอบแทนเกือบ 50,000% เพราะปัจจุบัน หุ้นของ Amazon มีมูลค่าสูงเป็นอันดับ 4 ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ
ลองเปิดดูตัวเลขของ Amazon ไตรมาส 4 ปี 2017 จะพบว่า Amazon ทำกำไรได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,856 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 5.8 หมื่นล้านบาท (อ่านรายงานผลประกอบการของ Amazon ไตรมาสล่าสุดเพิ่มเติม)
ไม่หมดแค่นั้น ไตรมาส 4 ปี 2017 ที่ผ่านมา Jeff Bezos ซีอีโอผู้ก่อตั้ง Amazon ได้กลายเป็นเศรษฐีอันดับ 1 ของโลก แซง Bill Gates ด้วยมูลค่าทรัพย์สินที่สูงถึงระดับ 1 แสนล้านดอลลาร์ นับเป็นคนแรกของศตวรรษที่ 21
กำไรไตรมาสเดียว เยอะพอกับที่เคยทำมา 14 ปี
ถ้าคิดแบบเปรียบเทียบ Amazon ต้องใช้เวลาถึง 14 ปี หากต้องการทำกำไรได้เท่ากับไตรมาส 4 ปี 2017
เพื่อความชัดเจน ตัวเลข 14 ปี ไม่ได้หมายความว่า จะให้รอดู Amazon ทำกำไรไปอีก 14 ปีข้างหน้า แล้วมาเทียบเท่ากับไตรมาส 4 ปี 2017
ตัวเลข 14 ปีนี้หมายถึง เมื่อเทียบกับธุรกิจของ Amazon ตั้งแต่เริ่มต้นกิจการจนถึงปัจจุบัน ต้องใช้กำไรถึง 14 ปีย้อนหลัง หรือ 58 ไตรมาสนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี 1997 ที่เข้าตลาดหลักทรัพย์มารวมกันทั้งหมด จึงจะเท่ากับกำไรของไตรมาสที่ 4 ปี 2017 เพียงไตรมาสเดียว
ถ้าย้อนกลับไปดูในอดีต ตั้งแต่ที่ Amazon ได้ IPO ในปี 1997 ต้องใช้เวลาถึง 4 ปี หรือก็คือปี 2001 กว่าจะทำกำไรได้ครั้งแรกราว 5 ล้านดอลลาร์ หรือพูดได้ว่า ธุรกิจในช่วงแรกๆ ไม่ทำกำไร แต่ซีอีโอคนนี้หนักแน่นมาก เขาเคยบอกไว้เลยว่า การลงทุนเพื่อเติบโตในอนาคต สำคัญกว่าการทำกำไรในแต่ละไตรมาส
อย่างไรก็ตาม ไตรมาสที่ 4 ปี 2017 บริษัท Amazon ได้รับการช่วยเหลือด้านภาษีจากรัฐบาล ทำให้ไม่ต้องเสียเงินไปอีกประมาณ 790 ล้านดอลลาร์ แต่ถ้าหากตัดเงินจำนวนนี้ออกไป การที่ Amazon จะทำกำไรได้เท่ากับไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่าน ก็ต้องใช้เวลาประมาณ 13 ปีอยู่ดี
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา