กลายเป็นข่าวแรงประจำวันไปแล้ว สำหรับการประกาศ “ลดสาขา” และ “ลดพนักงาน” ลงอย่างมีนัยสำคัญภายในเวลา 3 ปีของธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB โดยจากนี้ สาขาจะลดลงจาก 1,153 สาขาเหลือ 400 สาขา และลดจำนวนพนักงานจาก 27,000 คน เหลือ 15,000 คน
จากปกติในรอบปีที่ผ่านมาธนาคารหลายแห่งก็ปรับลดคนและสาขาอยู่แล้ว แต่นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ SCB ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ โดย อาทิตย์ นันทวิทยา กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ SCB กล่าวอย่างชัดเจนในงาน 2020 SCB VISION จึงเป็นเรื่องน่าสนใจว่า แผนการทั้งหมดของ SCB ในเวลา 3 ปีจากนี้ จะเป็นอย่างไรต่อไป
ประกาศแผนลงทุน 3 ส่วนรับ SCB Transformation
CEO ของ SCB บอกว่า ผลประกอบการปี 2017 ที่ผ่านมาลดลงจากปี 2016 พอสมควร ส่วนหนึ่งเพราะโครงสร้างรายได้ของธนาคารเริ่มเปลี่ยน จากเดิมมีรายได้จากค่าธรรมเนียมประมาณ 30% และรายได้จากดอกเบี้ย 70% แต่ สัดส่วนรายได้จากค่าธรรมเนียมกำลังลดลงเรื่อยๆ จากเทคโนโลยีที่เข้ามาแทนที่
ดังนั้นต้องสร้างสมดุลใหม่ของผลประกอบการในอนาคต ดังนั้นช่วงที่ผ่านมาจะเห็นว่า SCB ลงทุนโดยเน้นใน 3 ส่วนหลัก คือ
- เทคโนโลยี ถือเป็นส่วนหลัก โดยมีทั้ง Digital Ventures (DV) ที่ดูเรื่องสตาร์ทอัพ และ SCB Abacus ที่ดูเรื่องดาต้า
- พนักงาน SCB จะแข่งขันได้ในอนาคต และมีขีดความสามารถในการให้บริการที่ดีขึ้น ต้องให้ความสำคัญกับบุคลากร การพัฒนาทักษะให้สอดคล้องกับเทคโนโลยี
- ลูกค้า เป็นการลงทุนเพื่อพัฒนาบริการให้ดีขึ้น มีความร่วมมือกับพันธมิตรต่างๆ เพื่อขยายให้ SCB ให้บริการได้มากกว่าธุรกรรมทางการเงิน
และในปีนี้ก็จะยังเน้นการลงทุนใน 3 ส่วนนี้ เพื่อทำลายข้อจำกัดในอดีต ที่ SCB ช้า, ต้นทุนสูง และขาดความคิดสร้างสรรค์ แต่ต่อไปจะต้องพัฒนาขึ้น
กลยุทธ์ Going Upside Down ผลักดันองค์กรด้วย 5 แนวทาง
สำหรับการปรับลดสาขาและพนักงาน ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่จะเกิดขึ้นใน 3 ปีนี้ เพราะการจะปรับโครงสร้างองค์กรให้มีความเร็ว ลดต้นทุน และใช้เทคโนโลยี จะเริ่มจาก 5 แนวทางต่อไปนี้
- Lean the Bank หรือการลดขนาดขององค์กร จากเดิมมีพนักงาน 27,000 คน และสาขา 1,153 สาขา จะกลับหัวตีลังกา (Going Upside Down) เป็นเรื่องยาก การทำตัวให้เล็กและคล่องจะช่วยได้มาก แต่จะไม่ใช่วิธีการปลดพนักงานจำนวนมาก เพราะปกติมีพนักงาน Turn Over ประมาณ 3,000 คนต่อปี จึงจะใช้การลดรับพนักงานใหม่เป็นหลัก
ส่วนจำนวนสาขา จากปัจจุบัน การทำธุรกรรมที่สาขามีสัดส่วนประมาณ 15% ของธุรกรรมทั้งหมด จึงจะลดสาขาที่มีบทบาทน้อย และเพิ่มบริการอื่นๆ แทน เช่น SCB Express, SCB Investment Center, SCB Business Center, SCB Service และบริการผ่าน Digital SCB Easy - High Margin Lending เน้นการปล่อยสินเชื่อธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนสูง โดยมีทั้งสินเชื่อเพื่อการบริโภค และ สินเชื่อเพื่อธุรกิจ และการบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management) ซึ่งถือเป็นบริการหลักของ SCB อยู่แล้ว
- Digital Acquisition การทำธุรกิจในโลกดิจิทัล ผลักดันการการเข้าสู่ Platform ใหม่ ซึ่งจะรุนแรงมากขึ้นอีกใน 2 ปีจากนี้
- Data Capbailities เพิ่มขีดความสามารถการใช้ข้อมูล ซึ่งข้อมูล จะเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งในการทำธุรกิจยุคต่อไป
- New Business Model การสร้างสรรค์รูปแบบธุรกิจใหม่ โดยมีหัวหอกสำคัญคือ DV และ SCB Abacus
อาทิตย์ บอกว่า ธนาคารเคยหากินกับค่าธรรมเนียมได้มหาศาลในช่วงที่ผ่านมา แต่จากนี้ต้อง Disrupt ตัวเองเพราะรายได้แบบเดิมมีแต่จะลดลง ดังนั้นหัวใจสำคัญคือ การเปลี่ยนความคิดและความเชื่อแบบเดิม โดยต้องมีความกล้าทดลองทำสิ่งใหม่ เน้นพัฒนาความสามารถในระยะยาว
“ถ้าเราไม่บีบตัวเองให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ก็จะอยู่แบบเดิมต่อไปเรื่อยๆ และธุรกิจมีแต่ละถดถอยลง หลังจากรับตำแหน่ง CEO เมื่อกลางปี 2015 ก็เริ่มกระบวนการเปลี่ยนแปลงองค์กรทันที ถ้าปีนี้ยังไม่เห็นความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ ในฐานะ CEO พร้อมจะไล่ตัวเองออกเช่นกัน”
Bank As a Platform ลูกค้าอยู่ที่ไหน SCB จะอยู่ที่นั่น
อาทิตย์ บอกว่า ปกติธนาคารทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มอยู่แล้ว แต่ด้วยเทคโนโลยีและดาต้า การเป็นแพลตฟอร์มต้องพัฒนาไปจากเดิม ต่อไปจะรอลูกค้ามาหาที่สาขาไม่ได้ แต่ไม่ว่าลูกค้าจะอยู่ที่ไหน ถ้าต้องการบริการ SCB จะไปอยู่ที่นั่น นำเสนอบริการที่ถูกต้อง ถูกคน ถูกเวลา
นี่เป็นอีกเหตุผลที่สนับสนุนการลดจำนวนสาขา จากปัจจุบันมีสาขาที่ธุรกรรมเกิดขึ้นน้อย และโดยเฉลี่ย 1 สาขาจะมีพนักงาน 10-12 คน นอกจากลดจำนวนสาขาได้แล้ว ยังลดจำนวนพนักงานประจำสาขาเหลือ 5-6 คนได้ด้วย และเสริมด้วยบริการ Digital แทน
ภายใต้ภารกิจ “SCB Transformation” เป้าหมายการเป็น “The Most Admired Bank” (ธนาคารที่น่าชื่นชมที่สุด) ก็มีโอกาสเป็นไปได้มากขึ้น
สรุป
การประกาศว่าจะปรับลดสาขาและพนักงานลงจำนวนมาก อาจดูน่ากลัวและมีผลกระทบ แต่ความเป็นจริงนี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนในแทบทุกอุตสาหกรรม และเกิดขึ้นทั่วโลก ทางของแรงงานคือ ต้องพัฒนาทักษะและความสามารถของตัวเอง ให้สอดคล้องกับทิศทางของโลก SCB เป็นธนาคารแรกที่ออกมาประกาศทิศทางที่จะเกิดขึ้น พร้อมกับอธิบายแผนการในอนาคต ทำให้ได้ภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ส่วนผลจะเป็นอย่างไร ปีนี้จะได้เห็นกัน
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา