นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมีหลักทรัพย์เป็นหมื่นล้านแสนล้านบาท มีอยู่ไม่มากนัก และผู้ประกอบการระดับ SME หรือแม้แต่คนทำงานเป็นพนักงานเงินเดือนอย่างเราอาจไม่ต้องตั้งเป้าไปให้ถึงระดับนั้น แต่เราสามารถเรียนรู้มุมมอง แนวคิดและวิธีการทำงานจากนักธุรกิจใหญ่ระดับนั้นได้ BrandInside ได้รับเชิญจาก dtac ในฐานะผู้สนับสนุนหลักในงาน Forbes Forum Thailand 2016 ได้เข้าไปรับฟังการเสวนาจาก 3 สุดยอดนักธุรกิจของไทย ที่สร้างธุรกิจของตัวเองออกไปบุกตลาดโลกได้อย่างอหังการ
คนแรกคือ วิกรม กรมดิษฐ์ ผู้ก่อตั้งและ CEO ของนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร ที่ขยายนิคมฯ ไปที่เวียดนาม และกำลังไปพม่า คนที่สองคือ เสถียร เศรษฐสิทธิ์ ประธานกรรมการ คาราบาว กรุ๊ป ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มชูกำลัง คาราบาวแดง และคนที่สาม สนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการ ศรีไทย ซุปเปอร์แวร์ ผู้ผลิตและจำหน่าย ผลิตภัณฑ์พลาสติกเมลามีน ซึ่งทั้ง 3 คนได้แบ่งปันแนวคิดและประสบการณ์ได้อย่างน่าสนใจ
มองอนาคตให้ขาด ตลาดต่างประเทศ
วิกรม คือนักธุรกิจเจ้าของนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ บอกเล่าถึงการลงทุนว่า มากกว่า 10 ปีที่แล้วอุตสาหกรรมจากต่างประเทศย้ายฐานการผลิตมาประเทศไทย ทำให้วิกรมตัดสินใจตั้งนิคมอุตสาหกรรมอมตะนครขึ้นมา แต่ก็รู้ว่าในอนาคตอุตสาหกรรมเหล่านี้จะต้องขยาย หรือย้ายฐานการผลิตต่อไปอีก ดังนั้น 10 ปีก่อน อมตะนคร จึงขยายไปเปิดที่ประเทศเวียดนาม และเวลานี้เป้าหมายที่ อมตะนครจะไปคือ พม่า นี่คือการมองเห็นธุรกิจในอนาคต
การตัดสินใจไปเวียดนามและพม่านั้น เพราะมองเห็นตั้งแต่แรกว่า ไทย จะเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ของภูมิภาคนี้ เชื่อมจากเหนือ ที่มีจีนผ่านลาว ลงทางใต้ที่มาเลเซีย และยังเชื่อมตะวันออก เวียดนาม กัมพูชา ไปตะวันตก ที่มีพม่าไปถึง อินเดีย ดังนั้นการขยายธุรกิจในกลุ่มประเทศ CLMV คือโอกาสของประเทศไทย โดยเฉพาะพม่า ที่จะเป็นฐานธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดสำหรับ อมตะนคร ในอนาคต
ประชากร 220 ล้านคนรอบประเทศไทยคือตลาดขนาดใหญ่ รวมเป็นภูมิภาคอาเซียน ที่ทั่วโลกให้ความสนใจ และไทยต้องยึดฐานของภูมิภาคนี้ไว้ให้ได้เพื่อขยายออกไปสู่ตลาดโลก
สำหรับการเข้าตลาดหลักทรัพย์นั้น ยอมรับว่า เป้าหมายแรกคือ การสร้างความมั่นคงและมั่งคั่ง แต่เมื่อเข้าไปแล้วทำให้รู้ว่ามี ภาระมหาศาล ในการสร้างระเบียบและวินัยให้กับบริษัท แต่สุดท้ายนี่กลายเป็นระบบที่ปกป้องบริษัทได้เป็นอย่างดี
ทุกคนต้องใช้พลาสติกทุกวัน จากลูกจ้างสู่เจ้าของธุรกิจหมื่นล้าน
สนั่น เริ่มต้นธุรกิจพลาสติกเมลามีน จากการเป็นลูกจ้างในบริษัทเยอรมัน ก่อนที่จะครูพักลักจำมาจนกลายเป็นบริษัทของตัวเอง เคยผ่านช่วงวิกฤตที่สินค้าพลาสติกขายไม่ได้ จนต้องทำ direct sale และเน้นการส่งออกไปต่างประเทศเป็นหลัก ต่อสู้ฝ่าฟันทางธุรกิจจนผ่านพ้นวิกฤตแต่ละครั้งมาได้
ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ ยอมรับและกล้าบอกเลยว่า Copy หลายๆ อย่างมาจากบริษัทเยอรมันตั้งแต่ 40 ปีที่แล้วา เพื่อมาทำตลาด และเริ่มต้นคิดค้นคว้านวัตกรรม ต่อยอดด้วยตัวเอง สร้างแบรนด์จนคำว่า ซุปเปอร์แวร์ กลายเป็นคำพูดติดปากที่ใช้เรียกผลิตภัณฑ์พลาสติก นี่ถือเป็นหัวใจสำคัญของ ศรีไทย และความโชคดีอีกอย่างคือ การได้เข้าตลาดหลักทรัพย์
เดิมนั้น ศรีไทย ก็คือผู้ประกอบการธุรกิจทั่วไป ทำบัญชีหลายเล่ม แต่เมื่อเข้าตลาดหลักทรัพย์ สิ่งสำคัญคือ ความโปร่งใส เหลือบัญชีเดียว นี่คือการ Transformation ปรับเปลี่ยนองค์กรไปสู่ระดับ World Class แม้จะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ แต่ด้วยความโปร่งใส จึงสามารถฟื้นฟูกิจการและผ่านพ้นมาได้ และในเวลานี้สามารถขยายสำนักงานไปในหลายประเทศ มีโรงงานที่จีน, อินเดีย, เวียดนาม, อินโดนีเซีย และเร็วๆ นี้จะขยายไปพม่า
เคล็ดลับสำคัญคือ รู้ว่าไปแล้วมีตลาดแน่นอน ทุกคนต้องใช้พลาสติกในชีวิตประจำวัน ไม่มีใครไม่ใช้ เมื่อเข้าใจตลาดเข้าใจผู้บริโภค ก็สามารถบุกไปทำตลาดและลงทุนได้
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญของการ Transformation นอกจากการเข้าตลาดหลักทรัพย์แล้ว การจ้างบุคลากรระดับโลกมาบริหารงานก็เป็นส่วนสำคัญ ศรีไทย จ้างบุคลากรระดับ Top10 ค่าตัวมหาศาลมาทำงาน 3 ปี แต่มีความรู้ความสามารถช่วยเปลี่ยนแปลงได้อย่างยิ่งใหญ่ และเป็นรากฐาน ในศรีไทยได้ดีมาก
แบรนด์แข็งแกร่ง เดินตามรอยพี่ใหญ่ ขยายธุรกิจทั่วโลก
เสถียร แห่งคาราบาว กรุ๊ป คือผู้ที่ร่วมกันก่อตั้งบริษัทกับ แอ๊ด คาราบาว เพราะรู้ว่าแบรนด์คาราบาว มีพลังและแข็งแกร่งมาก และตัดสินใจเลือกทำ เครื่องดื่มชูกำลัง ซึ่งตรงกับกลุ่มลูกค้าของวงดนตรีคาราบาวอยู่แล้ว ทำให้ 3-4 เดือนที่เข้าตลาด มียอดขายติด Top3 และภายใน 3-4 ปีก็ขึ้นถึงระดับ Top2 ได้สำเร็จ
ปัจจุบัน คาราบาวแดง คือ ผลิตภัณฑ์ของไทย แบรนด์ของไทย ที่มีขายอยู่ในอาเซียน, เอเชีย, ตะวันออกกลาง และยุโรป ทุกตลาดเริ่มต้นจากการมีพันธมิตรสนใจเป็นตัวแทนจำหน่าย เพราะคนทั่วโลกดื่มเครื่องดื่มชูกำลัง ตลาดมีมูลค่าหลายแสนล้านบาท และมีพี่ใหญ่ของวงการนี้คือ Red Bull หรือ กระทิงแดง เมื่อนักธุรกิจในต่างประเทศไม่ได้เป็นพันธมิตรกับกระทิงแดง อันดับ 2 อย่าง คาราบาวแดง จึงได้โอกาสนั้น
นั่นยิ่งทำให้ชื่อเสียงของ ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มชูกำลัง ชัดเจนยิ่งขึ้นว่า ต้องมาจากประเทศไทย
นอกจากนี้ การตัดสินใจเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการของทีมฟุตบอลเชลซี แห่งพรีเมียร์ลีกอังกฤษ มีส่วนช่วยอย่างมากในการสร้างการรับรู้ สร้างความเชื่อมั่นกับพันธมิตร การทำตลาดของคาราบาวแดงก็จะง่ายขึ้น โดยมีเป้าหมายล่าสุดคือ จีน ที่มีตลาดมูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาท
การเข้าตลาดหลักทรัพย์ของ คาราบาว กรุ๊ป สร้างความโปร่งใส และทำให้เพื่อนที่เป็นหุ้นส่วนทำงานด้วยกันอย่างสบายใจ แบ่งปันผลประโยชน์ที่ได้อย่างชัดเจน และทำให้บริษัทเติบโตได้อย่างต่อเนื่องทุกปี
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา