THE FORESTIAS (เดอะ ฟอเรสเทียร์) โปรเจ็กต์แฟลกชิพของบริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) หนึ่งในธุรกิจภายใต้กลุ่มบริษัท ดีทีจีโอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (DTGO) ดำเนินกิจการพัฒนา ลงทุน และจัดการอสังหาริมทรัพย์ เจ้าของและผู้พัฒนาโครงการที่พักอาศัยและมิกซ์ยูสคุณภาพ แบรนด์ แมกโนเลียส์ (Magnolias) ดิ แอสเพน ทรี (The Aspen Tree) และ วิสซ์ดอม (Whizdom)
- เดอะ ฟอเรสเทียร์ โครงการอสังหาริมทรัพย์แบบ Mixed Use Lifestyle เป็นโมเดลแรกของโลกที่ครบวงจร ทั้งที่อยู่อาศัย พื้นที่ค้าปลีก อาคาร สำนักงาน ศูนย์สุขภาพ สถานศึกษา อาคารนวัตกรรม ภายใต้การสร้างระบบนิเวศน์ขนาดใหญ่ภายในโครงการ
- เดอะ ฟอเรสเทียร์จะตั้งอยู่ที่บริเวณถนนบางนา-ตราด กิโลเตรที่ 7 บนพื้นที่กว่า 300 ไร่ มูลค่าโครงการกว่า 90,000 ล้านบาท ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Imagine Happiness”
ธรรมชาติถดถอย โลกร้อน แล้วเราจะมีความสุขกันได้อย่างไร?
วิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) กล่าวในวันเปิดตัวโครงการว่า
“ท่ามกลางการพัฒนาของโลกในหลายด้าน ทั้งนวัตกรรม เทคโนโลยี และเศรษฐกิจ แต่ปัญหาระดับโลกที่ตามมา เช่น โลกร้อน ธรรมชาติถดถอยลง ในกรุงเทพเหลือพื้นที่สีเขียวเพียง 3.3 ตารางเมตรต่อคน ส่วนเมืองใหญ่ๆ ในโลกอย่างลอนดอนหรือปารีสมี 13 – 27 ตารางเมตรต่อคน แล้วยุคนี้ยังเกิดช่องว่างของสมาชิกในครอบครัว คนเป็นโรคซึมเศร้าทั่วโลกกว่า 300 ล้านคน และในอีก 40 ปีข้างหน้า ประชากรของโลกจะเป็นคนสูงอายุถึง 20% จากปัญหาเหล่านี้ แล้วเราจะมีความสุขกันได้อย่างไร ?”
“เดอะ ฟอเรสเทียร์ จึงเกิดมาบนความคิดที่ว่า ความสุขที่แท้จริงของชีวิตเราคืออะไร แน่นอนว่าทุกคนมีความสุขที่ต่างกัน เราจึงมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์และพัฒนาโครงการที่สร้างความสุขอย่างยั่งยืนและลดช่องว่างของคนในครอบครัว ทำให้เกิดคอมมิวนิตี้ที่ดี”
ความสุขเริ่มต้นที่ “สิ่งแวดล้อมที่ดี”
“ผมเชื่อเรามีความสุขที่ต่างกัน แต่ผมก็เชื่อว่าความสุขเริ่มต้นที่สิ่งแวดล้อมที่ดี และในฐานะนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ เราเอาโจทย์เรื่อง ความสุข ขึ้นมาก่อน เราสร้างระบบนิเวศน์เป็นของตัวเองขึ้นมาอย่างครบวงจรเป็นครั้งแรกของโลก ไม่เคยมีใครทำมาก่อน”
กิตติพันธุ์ อุยยามะพันธุ์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) เล่าให้ฟังว่า “โครงการมูลค่ากว่า 9 หมื่นล้านบาทเกิดขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ Mission เราต้องการสร้างสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมกับทุก Generation เป็นโมเดลที่จะขยายต่อไปในภูมิภาคเอเชียและระดับโลกได้ในอนาคต และเป็นพื้นที่ของผู้นำระดับโลก เพราะมีทั้งที่อยู่อาศัย พื้นที่ทำงาน และพื้นที่สิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน”
ระบบนิเวศน์ของ “เดอะ ฟอเรสเทียร์”
- 50 Shades of Nature : ในโครงการจะมีพืชพันธุ์รวมกันกว่า 38 สายพันธุ์ ส่วนสัตว์จะมีในเบื้องต้น 123 สายพันธุ์ และในอีก 5 ปีหลังจากโครงการเสร็จสิ้นจะเพิ่มขึ้นเป็น 250 สายพันธุ์ โดยในโครงการจะมีป่าทึบ ป่าเพื่อผู้อยู่อาศัย ป่าสำหรับผจญภัย และพาวิลเลี่ยนสไตล์ธรรมชาติ
- Connecting 4 Generations : มีการแบ่งพื้นที่ให้เหมาะสำหรับคนถึง 4 รุ่นในโครงการ โดยออกแบบมาให้สามารถมาพบปะกันได้ สร้างความกลมเกลียวในครอบครัว
- Community of Dreams : การแบ่งสรรปันส่วนพื้นที่เพื่อทำให้เกิดรูปแบบไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างหลากหลาย และมีพื้นที่ของชุมชนเพื่อมารวมตัวกัน มีทั้งขนาดเล็ก ขนาดใหญ่กระจายทั่วโครงการ เช่น พื้นที่พักผ่อน พื้นที่ทำกิจกรรมทั้งกลางแจ้งและในร่ม สวนศึกษาธรรมชาติ หรืออาจจะตั้งแคมป์ก็ได้ เพราะธรรมชาติในโครงการมีความสมบูรณ์
- Sustainnovation for Well-being : ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน ซึ่งนับเป็นดีเอ็นเอของ MQDC ที่สร้างแนวคิดใหม่ของการใช้ชีวิตทั้งในวันนี้และในอนาคตต่อไป
จับมือพาร์ทเนอร์ระดับโลก : พื้นที่แห่งอนาคตที่เน้นความยั่งยืน
THE FORESTIAS (เดอะ ฟอเรสเทียร์) จับมือร่วมกับพันธมิตรชั้นนำระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านอย่างหลากหลาย ได้แก่
- Foster + Partners ที่ปรึกษาการออกแบบวางผังและงานสถาปัตยกรรม
- EEC Engineering Network ร่วมวิจัยและพัฒนางานระบบอาคารซึ่งยึดหลัก Sustainnovation ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้ามาสร้างต้นแบบของงานระบบอาคารที่เน้นความยั่งยืนและความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
- Atelier Ten ร่วมทำวิจัย ศึกษาและวางแผนการป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและรวมไปถึงระบบนิเวศให้มีความสมดุลยั่งยืน
- ITEC Entertainment จะร่วมมาเป็นผู้สร้างสรรค์ประสบการณ์และสันทนาการที่จะเกิดขึ้นภายในโครงการ
- นอกจากนั้น คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สนใจจะเข้ามาศึกษาวิจัยในโครงการอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม โครงการ THE FORESTIAS (เดอะ ฟอเรสเทียร์) จะเริ่มก่อสร้างในปี พ.ศ. 2561 และจะเปิดอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2565
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา