ไม่อยากให้จีนครองแรร์เอิร์ธทั้งโลกฝ่ายเดียว G7 เลยรวมพล ตั้ง ‘วงผลิต’ ชนปักกิ่ง

ครั้งหนึ่ง ‘เติ้ง เสี่ยวผิง’ อดีตผู้นำจีนเคยพูดไว้ว่า “ถ้าตะวันออกกลางมีน้ำมัน จีนก็มีแรร์เอิร์ธ” และยิ่งนานวัน ประโยคนี้ยิ่งก้องดังขึ้นในเวทีโลก เพราะจีนกำลังครอง ‘แร่หายาก’ แทบทั้งระบบ ตั้งแต่ขุดขึ้นจากดิน ไปจนถึงขั้นตอนการแปรรูปที่ยุ่งยากและต้นทุนสูง

จุดนี้ทำให้จีนถือแต้มต่อมหาศาลต่อสหรัฐฯ ในยุคสงครามเทคโนโลยี เพราะสินค้าแทบทุกอย่างตั้งแต่รถยนต์ไฟฟ้า โดรน ดาวเทียม สมาร์ทโฟน อุปกรณ์ทหาร ไปจนถึงชิป AI ล้วนต้องใช้แรร์เอิร์ธเป็นส่วนประกอบ

ล่าสุด ‘กลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศ’ หรือ ‘G7’ ซึ่งประกอบด้วย สหรัฐฯ อังกฤษ ญี่ปุ่น แคนาดา เยอรมนี ฝรั่งเศส และอิตาลี เริ่มรู้สึกถึงแรงกดดันนี้มากขึ้น ในการประชุมล่าสุดที่โตรอนโต บรรดารัฐมนตรีพลังงานได้เห็นชอบจัดตั้งพันธมิตรการผลิตแร่สำคัญ เพื่อเร่งสร้างทางเลือกใหม่และลดการพึ่งพาจีน

ตามข้อมูลของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติของแคนาดา แผนดังกล่าวมีตั้งแต่การลงทุน ความร่วมมือ และมาตรการใหม่มากกว่าสองโหล มุ่งปลดล็อกงบประมาณมูลค่า 6,400 ล้านดอลลาร์แคนาดา (ราว 147,630 ล้านบาท) สำหรับโครงการแร่สำคัญ

พร้อมอัดงบสูงสุด 20.2 ล้านดอลลาร์แคนาดา (ประมาณ 465.95 ล้านบาท) เพื่อสนับสนุนวิจัย และความร่วมมือต่างประเทศ ถือเป็นสัญญาณชัดว่า โลกตะวันตกกำลังดิ้นเต็มที่เพื่อหาทางออก ลดการพึ่งพาจีน

ข้อมูลจากที่ปรึกษาอุตสาหกรรมระบุว่า จีนครองการขุดแร่หายากทั่วโลกประมาณ 70% มีความสามารถด้านการแปรรูปสูงถึง 85% และควบคุมการผลิตโลหะผสมและแม่เหล็กที่ใช้แร่หายากถึงประมาณ 90%

นี่คือระดับการผูกขาดที่ประเทศอื่นยังตามไม่ทัน แม้จะทุ่มงบเท่าไรก็ยากที่จะตีตื้น เพราะจีนสะสมเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานมานาน

หลายประเทศจึงเริ่มหาทางออก ตั้งแต่การปั้นโครงการเหมืองใหม่ในออสเตรเลีย แคนาดา และยุโรป ไปจนถึงการอัดงบสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมในประเทศของสหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม การแปรรูปแรร์เอิร์ธไม่ใช่ธุรกิจที่ใครอยากทำ เพราะต้นทุนสูง ขั้นตอนซับซ้อน และอาจเกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จึงไม่แปลกที่ไม่มีประเทศไหนอยากเป็นโรงงานเคมีของโลกเหมือนจีน ทำให้ซัพพลายเชนยิ่งถูกล็อกแน่นจนแทบแกะไม่ออก

ความกังวลยิ่งเพิ่มขึ้นช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เมื่อจีนประกาศจำกัดการส่งออกแรร์เอิร์ธชุดใหม่ เพิ่มธาตุอีกห้าชนิดเข้าไปในรายการควบคุม และขยายข้อกำหนดใบอนุญาตให้ครอบคลุมถึงเทคโนโลยีด้านการทำเหมือง แปรรูป และการผลิต

เดิมมาตรการนี้จะเริ่มวันที่ 1 พฤศจิกายน แต่จีนประกาศระงับเป็นเวลา 1 ปี หลังการประชุมระหว่างประธานาธิบดี ‘สี จิ้นผิง’ และประธานาธิบดี ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ชี้ชัดว่า “ไพ่การทูต” ที่จีนพร้อมหยิบใช้เมื่อจำเป็น

ในขณะที่ฝั่งตะวันตกเร่งสร้างความหลากหลายของซัพพลายเชน จีนยังเดินเกมเพื่อรักษาอำนาจต่อรองอย่างต่อเนื่อง เหมือนส่งสัญญาณว่าแรงกดดันทางเศรษฐกิจใช้บังคับจีนได้ยาก เพราะแรร์เอิร์ธคือเชื้อเพลิงสำคัญของอุตสาหกรรมอนาคต ตั้งแต่ระบบป้องกันประเทศ ไปจนถึงพลังงานสะอาด และสินค้าความต้องการสูงระดับโลก

ที่สำคัญ จีนรู้ว่าโลกยังไม่มีตัวเลือกอื่นแทน

ท้ายที่สุด เกมนี้ยังอีกยาว และในระยะสั้น จีนยังคงถือไพ่ใหญ่ในมือ การแข่งขันเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐฯ จีน และ G7 จะดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ เพราะโลกไม่ได้ต้องการแค่แร่ในดิน แต่ต้องการกำลังผลิตและการแปรรูป ซึ่งจีนคือประเทศเดียวตอนนี้ที่ครองตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ

คำถามคือ ใครจะสร้างระบบแข่งกับจีนได้ทันก่อนนาฬิกาอุตสาหกรรมโลกเดินไปไกลกว่านี้

ที่มา: South China Morning Post [1] [2], Council on Foreign Relations, Ministry of Energy of Ukraine

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา