จบใหม่ตกงาน โบนัสไม่มี โอทีอย่าหวัง ขอแค่ยังมีงานให้ทำก็พอแล้ว!
หลายคนอาจจะคิดว่า เฮ้ย! อัตราการว่างงานของไทยลดลงมาเหลือแค่ 1% ตั้งแต่หลังโควิด แล้วทำไมถึงยังบอกว่า ตลาดแรงงานไทยอ่อนแอจากภายในอีก เราชวนมาอ่านสรุปจากรายงาน ‘ตลาดแรงงานไทย : ความเปราะบางภายใต้เลขว่างงานที่ดูแข็งแรง‘ ของ SCB EIC ที่กำลังบอกเราว่า ตลาดแรงงานไทยไม่ได้แกร่งอย่างที่ทุกคนคิด
จบใหม่ว่างงาน-คนมีงานทำหายไป 5 แสน
SCB EIC เริ่มต้นจากอธิบายก่อนว่า เศรษฐกิจไทยเติบโตต่ำต่อเนื่องนานๆ ส่งผลต่อตลาดแรงงานไทยให้อ่อนแอจากภายในจริงๆ โดยจะเห็นได้จากสัญญาณหลักๆ อย่างเช่น ‘อัตราการว่างงานในระบบประกันสังคม’
โดยเฉพาะ ‘อัตราการว่างงานเด็กจบใหม่’ หรือแรงงานอายุ 15-24 ที่ตอนนี้เพิ่มขึ้นจนสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2023 หรือขยับจากอัตราการว่างงาน 5.55% ในปี 2024 ขึ้นมาเป็น 5.31% ในไตรมาส 1 ของปีนี้ และขึ้นมาเป็น 5.89% ในไตรมาส 2 ของปี
ยิ่งกับแรงงานที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไปมีอัตราการเร่งตัวขึ้นเป็น 18.9% ในไตรมาส 2 ของปี ขยับขึ้นมาจาก 16.1% ในไตรมาสแรกของปีนี้ สะท้อนว่าเด็กจบใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์ในยุคนี้จะหางานยากขึ้น
สอดคล้องกับการศึกษาของ TDRI ที่บอกว่า ประกาศรับสมัครงานบนเว็บไซต์หางานกว่า 63% ต้องการผู้ที่ ‘มีประสบการณ์’ และมีแค่ 22% ของประกาศรับสมัครงานเท่านั้นที่บอกว่า ‘ไม่ต้องมีประสบการณ์’ ก็ได้ ซึ่งปรากฎการณ์นี้ก็เริ่มเผยตัวออกมาให้เห็นตั้งแต่ช่วงปลายปีก่อนแล้ว
นอกจากนั้น ตลาดแรงงานไทยตอนนี้ยังมี ‘ผู้มีงานทำ’ ลดลงสะสมมา 5 แสนคนแล้ว ถ้าเทียบกับตอนปี 2023 ที่เคยมีผู้มีงานทำสูงสุดเกือบ 40 ล้านคนตอนประเทศฟื้นจากโควิด เพราะตำแหน่งงานในภาคเกษตรและอุตสาหกรรมที่ลดลง และภาคบริการที่เริ่มชะลอตัวลง
อีกอย่างคือ ชั่วโมงทำงาน Full-time และล่วงเวลา (OT) ก็ปรับลดลง ประมาณ 2% ขณะที่ ‘ผู้ทำงานไม่เต็มเวลา’ ก็มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจาก 5.8% มาเป็น 8% ด้วย สะท้อนว่า หลายๆ ธุรกิจเริ่มลดการจ้างงาน ลดชั่วโมงการทำงาน เปลี่ยนจากงานประจำเป็นพาร์ตไทม์ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อรายได้ของแรงงานไทย
หรือสรุปภาพรวมได้ว่า ตอนนี้ ‘ตลาดแรงงานไทย’ กำลังส่งสัญญาณอาการเปราะบางมากขึ้นเรื่อยๆ
แผลเก่าอย่าง ‘รายได้ไม่ฟื้น-แรงงานหลุดจากระบบ’ ก็ยังอยู่
แถมตลาดแรงงานไทยยังมี ‘รอยแผลเป็น’ จากอดีตด้วยด้วย SCB EIC อธิบายว่า ผลกระทบจากโควิด-19 ทิ้งรอยแผลไว้นานหลายปี หลักๆ คือทำให้ รายได้แรงงานฟื้นไม่เต็มที่ ส่งผลให้ตอนนี้รายได้แรงงานไทยยังต่ำกว่าก่อนโควิด-19 อยู่เลย แม้จะผ่านมา 5 ปีแล้ว
นอกจากนั้น แรงงานไทยยังหลุดไปทำงานนอกระบบมากขึ้น โดยในปี 2024 ไทยมีแรงงานนอกระบบมากถึง 21 ล้านคน คิดเป็น 52.8% ของแรงงานทั้งหมด
ปัญหาคือแรงงานนอกระบบเหล่านี้มีรายได้ต่ำกว่าแรงงานในระบบเกือบเท่าตัว มีรายได้ไม่แน่นอน ขาดสวัสดิการ หลักประกันทางสังคม ทำให้รายได้เติบโตน้อยในช่วงเวลาที่ปัญหาหนี้ครัวเรือนยังสูงและเศรษฐกิจไทยยังเปราะบาง
แรงงานไทย 5 ล้าน เสี่ยงถูกเลิกจ้าง-ลดชั่วโมงทำงาน
ฟากความท้าทายครั้งใหม่อย่าง ‘สงครามการค้ารอบใหม่’ ก็จะส่งผลกระทบกับตลาดแรงงานไทยอีก โดย SCB EIC ประเมินว่า จะมีแรงงานไทยประมาณ 5 ล้านคนที่ ‘เสี่ยงสูง’ จะได้รับผลกระทบ เพราะภาคส่งออกไทยจะต้องแข่งดุขึ้นท่ามกลางภาวะที่เงินบาทแข็งค่า
โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเสี่ยงสูง ได้แก่ ยางพารา สิ่งทอ ยางล้อและชิ้นส่วนยานยนต์ Electronic component, Consumer electronics & HDD, Home appliances, เหล็ก, กุ้ง, เม็ดพลาสติกและ ผลิตภัณฑ์พลาสติก, Power electronics และยานยนต์ ซึ่งคิดเป็น 12.3% ของลูกจ้างทั้งหมดในตลาดแรงงงาน
หากรวมกับธุรกิจที่มีความเสี่ยงปานกลางด้วยแล้ว จะมีแรงงานเสี่ยงได้รับผลกระทบประมาณ 8.7 ล้าน
คน (ราว 20% ของลูกจ้างทั้งหมด) ที่อาจถูกเลิกจ้าง ลดการจ้างงาน ลดชั่วโมงการทำงาน ซึ่งเริ่มเห็นสัญญาณแล้วในช่วง 6 เดือนแรกของปี อย่างกลุ่มเสี่ยงสูงจ้างงานลดลง 2.5 แสนคน และกลุ่มเสี่ยงปานกลางจ้างงานลดลง 4.7 แสนคน
ข้อจำกัดก็มี เพราะสูงวัยหนัก-แรงงานหด
ไม่ใช่แค่แผลเก่า-แผลใหม่ กับสงครามการค้า แต่ SCB EIC ยังบอกอีกว่า ตลาดแรงงานไทยก็มี ‘ข้อจำกัดเชิงโครงสร้าง’ ที่กระทบความสามารถในการแข่งขันระยะยาวด้วย
เพราะไทยนั้นเข้าสู่สังคมสูงวัยตั้งแต่ปี 2005 และกลายเป็น ประเทศสังคมสูงวัยโดยสมบูรณ์ตั้งแต่ปี 2024 โดยมีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปมากถึง 20.8% แถมตอนนี้ประเทศไทยยังมีอัตราการตายมากกว่าเกิด ทำให้ ‘กำลังแรงงานไทย’ มีแนวโน้มจะลดลงเรื่อยๆ ด้วย
งานศึกษาของ World Bank เองก็บอกว่า ไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีแนวโน้มผู้สูงอายุมีจำนวนมากขึ้น ขณะที่
ผู้ทำงานลดลงเร็วสุดในโลก ทำให้อัตราการพึ่งพิงของผู้สูงอายุต่อประชากรวัยทำงาน (Old-age dependency ratio) อาจเพิ่มจาก 22% ไปเป็น 50% ในปี 2050
ส่งผลต่อเนื่องให้ ‘ผลิตภาพแรงงานไทย’ ลดลง เพราะปัญหาโครงสร้างรวมกับการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานและทุนมนุษย์ที่ไม่ค่อยสูงนัก ขาดการลงทุนพัฒนาทักษะแรงงาน ทำให้แรงงานไม่สามารถปรับตามเทคโนโลยีใหม่ได้ และจะกลายเป็นอีกปัจจัยทำให้รายได้แรงงานเติบโตช้าในอนาคต
แนะปรับทักษะ-การเงิน-ทันโลก
SCB EIC แนะนำให้แรงงานไทย “ปรับตัว” เพื่อรับมือกับสิ่งที่อาจจะเข้ามาโดยไม่คาดคิด ซึ่งสิ่งที่จะต้องปรับมี 3 ข้อหลักๆ ได้แก่ ‘ปรับทักษะ’ เชื่อในการเรียนรู้ตลอดชีวิต เรียนรู้ทักษะใหม่หลากหลายตามความต้องการของตลาดแรงงาน เรียนรู้การใช้เครื่องมือใหม่อย่าง AI
รวมถึง ‘ปรับทัศนคติการเงิน’ ผ่านการประเมินรายรับ-รายจ่ายสม่ำเสมอ เข้าใจสถานะการเงินตนเอง สามารถวางแผนการใช้จ่ายได้ หารายได้หลายทาง ลดรายจ่ายไม่จำเป็น เพิ่มสัดส่วนเงินออมเผื่อฉุกเฉิน วางแผนการชำระหนี้แบบมีวินัยด้วย และสุดท้ายคือ ‘ปรับตัวทันโลก’ ตามเทรนด์โลกและปรับตัวรับกับรูปแบบการทำงานใหม่ ค่านิยมใหม่ เพื่อให้อยู่รอดให้ได้ในตลาดแรงงานยุคนี้
- โบนัสไม่มี-โอทีไม่ได้-เงินเดือนไม่ขึ้น แถมเสี่ยงตกงานเพราะ AI ‘นักวางแผนการเงิน’ แนะชนชั้นกลางไทย เร่งพัฒนาตัวเอง-เริ่มวางแผนการเงิน
- เศรษฐกิจชะลอตัว คนตกงานเพิ่ม Tellscore บอก คนไทยหันมาเป็นครีเอเตอร์เต็มเวลา เพราะอยากอยู่รอด
- ไทยมีแรงงานสูงวัยเกิน 10 ล้าน แต่สมัครงานใหม่ยาก เพราะอคติเรื่อง ‘อายุ’
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา